CRIME

ศาลฎีกา ยกฟ้อง 4 ข้าราชการ กทม. คดีทุจริตจัดซื้อรถ-เรือดับเพลิง มูลค่ากว่า 6 พันล้านบาท

วันนี้ (18 ม.ค. 65) ศาลฎีกาแผนกอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคําพิพากษา (ชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์) คดีหมายเลขดําที่ อม.อธ. 2/2564 หมายเลขเลขแดงที่ อม.อธ. 1/2565 ระหว่าง อัยการสูงสุด โจทก์ นายสุวิทย์ ศิลาทอง , น.ส.สุทิพย์ ทิพย์สุวรรณ , พ.ต.อ.พิชัย เกรียงวัฒนสิริ และ พ.ต.ท.รักศิลป์ รัตนวราหะ ทั้ง 4 คนดำรงตำแหน่งในฐานะกรรมการจัดซื้อรถดับเพลิงและเรือดับเพลิงพร้อมอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัยของกรุงเทพมหานครโดยวิธีพิเศษ จําเลยที่ 1-4 ตามลำดับ เรื่อง ความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดต่อพ.ร.บ.ความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 หรือ พ.ร.บ.ฮั้วประมูล

คดีนี้ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองพิพากษายกฟ้อง เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 2563 ต่อมา โจทก์ได้อุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์พิจารณาแล้ว เห็นว่า แม้จําเลยทั้ง 4 ซึ่งเป็นคณะกรรมการบริหารโครงการฯ มีอํานาจหน้าที่ บริหารโครงการให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี ตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร แต่การที่พล.ต.ต.อธิลักษณ์ ตันชูเกียรติ อดีตผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. นําร่าง A.O.U. ให้คณะกรรมการบริหารโครงการฯ พิจารณาก่อนลงนามใน ถึง 133,749,780 ยูโร คิดเป็นเงินไทยประมาณ 6,687,489,000 บาท เพียง 1 วัน จึงเป็นที่สงสัยว่าเป็นการกระทําเพื่อปกปิดข้อเท็จจริงในการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงที่มีราคาสูงมิให้จําเลยทั้ง 4 ล่วงรู้ เพื่อให้การพิจารณาร่าง A.O.U. ผ่านไป ได้โดยเร็ว และร่าง A.O.U. ระบุให้มีการลงนามระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลสาธารณรัฐออสเตรีย ทําให้จําเลยทั้งสี่เข้าใจว่า เป็นความตกลงระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาลตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ การรับทราบและตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับร่าง A.O.U. จึงเป็นกรณีที่จําเลยทั้ง 4 เข้าใจว่าได้ดําเนินการตามอํานาจหน้าที่ตามคําสั่งกรุงเทพมหานครโดยถูกต้องแล้ว พฤติการณ์ของจําเลยทั้ง 4 ฟังได้ว่า จําเลยทั้ง 4 ได้ปฏิบัติตามอํานาจหน้าที่ของคณะกรรมการบริหารโครงการฯ ตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏเท่าที่ทําได้ตามที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติในหลักการแล้ว

ส่วนการปฏิบัติหน้าที่ของจําเลยทั้ง 4 ในฐานะ คณะกรรมการจัดซื้อโดยวิธีพิเศษ เห็นว่า เมื่อ A.O.U. เป็นการจัดซื้อโดยวิธีพิเศษตามมติของคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุของกรุงเทพมหานคร และเมื่อเปรียบเทียบกับการจัดซื้อโดยวิธีพิเศษของกระทรวงกลาโหม ปรากฏว่า กรุงเทพมหานครมีการเสนอขออนุมัติคณะรัฐมนตรีเพื่อทําความตกลงกับสาธารณรัฐออสเตรียก่อนที่จะมีการแต่งตั้งจําเลยทั้งสี่เป็นคณะกรรมการจัดซื้อโดยวิธีพิเศษ ซึ่งเป็นการสลับขั้นตอนผิดไปจากการดําเนินการตามปกติ และยังเป็นการจํากัด อํานาจของคณะกรรมการจัดซื้อโดยวิธีพิเศษให้ต้องจัดซื้อตามราคาที่กําหนดมาแล้ว ทั้งการแต่งตั้งจําเลยทั้ง 4 ดังกล่าวก่อน จะมีการลงนามซื้อขายในวันที่ 27 ส.ค. 2547 เพียง 7 วัน เป็นการจํากัดให้จําเลยทั้ง 4 มีเวลาดําเนินการตามอํานาจหน้าที่ให้น้อยที่สุด แม้ในช่วงระยะเวลาที่ยังไม่มีการแต่งตั้งจําเลยทั้ง 4 ก็มีการดําเนินการต่าง ๆ โดยมุ่งหมายเพื่อทํา ข้อตกลงซื้อขายมาโดยตลอด การแต่งตั้งจําเลยทั้ง 4 ดังกล่าวจึงเป็นเพียงเพื่อให้ครบถ้วนตามขั้นตอนที่กําหนดไว้ใน ข้อบัญญัติของกรุงเทพมหานคร เรื่อง การพัสดุ พ.ศ.2538

ประกอบกับคดีนี้เป็นการจัดซื้อจากต่างประเทศที่มี ข้อตกลงเกี่ยวกับการค้าต่างตอบแทนในราคาที่เท่ากัน จะอนุมานว่าจําเลยทั้ง 4 ทราบข้อเท็จจริงว่ารถและเรือดับเพลิงมี ราคาสูงอยู่ก่อนแล้วย่อมเป็นการรับฟังเป็นผลร้ายแก่จําเลยทั้ง 4 พฤติการณ์แห่งคดีมีข้อจํากัดทําให้ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามปกติและเป็นไปได้ว่าจําเลยทั้ง 4 เป็นเพียงกลไกที่ถูกใช้เป็นทางผ่านเพื่อนําไปสู่การจัดซื้อรถและเรือดับเพลิง ตามที่มีการดําเนินการโดยส่วนอื่น ๆ มาแต่ต้น จึงยังฟังไม่ได้ว่าการจัดซื้อรถดับเพลิง เรือดับเพลิง และอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัยในราคาสูงนั้นเกิดจากการที่จําเลยทั้งสี่ไม่ได้ตรวจสอบหรือสืบราคาเปรียบเทียบ

นอกจากนี้ ไม่ปรากฏผลประโยชน์อย่างอื่นจากการกระทําดังกล่าวที่จะเชื่อมโยงให้เห็นถึงเจตนาของจําเลยทั้ง 4 ว่า ต้องการได้สิ่งใดสิ่งหนึ่งตอบแทน พยานหลักฐานตามทางไต่สวนฟังไม่ได้ว่า จําเลยทั้ง 4 มีเจตนาปฏิบัติหน้าที่คณะกรรมการจัดซื้อโดยวิธีพิเศษโดย มุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรมเพื่อเอื้ออํานวยแก่บริษัท สไตเออร์ เดมเลอร์ พุค สเปเชียล ฟาห์รซอยก์ จํากัด ประเทศออสเตรีย ให้เป็นผู้มีสิทธิทําสัญญากับ กรุงเทพมหานครแต่อย่างใด

ทั้งคดีอาญาศาลต้องใช้ดุลพินิจวินิจฉัยชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานทั้งปวงจะถือเอาข้อเท็จจริง ในคดีก่อนมาผูกพันเทียบเคียงสําหรับการกระทําที่แตกต่างกัน โดยที่จําเลยทั้ง 4 ไม่ได้เป็นคู่ความในคดีด้วยไม่ได้ คําพิพากษาที่โจทก์อ้างไม่ใช่ข้อบ่งชี้ว่าจําเลยทั้ง 4 มีเจตนาในการกระทําความผิดร่วมกับพล.ต.ต.อธิลักษณ์ ที่ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองพิพากษายกฟ้องจําเลยทั้ง 4 มานั้น องค์คณะผู้พิพากษาชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ เสียงข้างมากเห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น ศาลจึงพิพากษายืน

Related Posts

Send this to a friend