CRIME

รรท. ผบ.ตร.ไม่กังวลใจ ปมเซ็นคำสั่งให้ ’รองโจ๊ก‘ ออกจากราชการไว้ก่อน

รรท. ผบ.ตร. ยืนยัน ไม่กังวลใจ ปมเซ็นคำสั่งให้ ’รองโจ๊ก‘ ออกจากราชการไว้ก่อน ย้ำ ปฏิบัติตามขั้นตอน ไม่มีรับใบสั่งใคร พร้อมน้อมรับทุกอย่าง หากทำให้ภาพลักษณ์องค์กรตำรวจดี

วันนี้ (18 เม.ย. 67) เวลา 17:50 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่ามีการลงนามในคำสั่งพักราชการ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และให้ออกจากราชการไว้ก่อน โดยระบุว่า ตามที่ตนเองเคยแถลงข่าวเรื่องการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2567 ที่รัฐสภา โดยตอนนั้นสื่อมวลชนถามว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ถูกตั้งข้อหาพัวพันเว็บพนันออนไลน์ จะต้องให้ออกจากราชการหรือไม่ ซึ่งวันนั้นตนเองก็ตอบว่า ขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ และขั้นตอนของการพิจารณาตามกฎหมาย และตามกฎของ ตร.

จากวันนั้นจนถึงวันนี้ (18 เม.ย. 67) มีการรายงานพฤติการณ์แห่งคดี ซึ่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ก็ได้รายงานตนต้องคดีไปที่กองคดีอาญา ของกองกฎหมายและคดีเป็นที่เรียบร้อย โดยตนเองรับทราบแล้ว ก่อนส่งให้กองวินัยได้พิจารณาไปตามกระบวนการของกฎหมาย โดยตนเองได้รับรายงานอย่างเป็นทางการว่า พฤติการณ์แห่งคดีกับความร้ายแรงตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจากการพิจารณาในรายงานของพนักงานสอบสวน ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลได้ตั้งขึ้นมา ว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และข้าราชการตำรวจอีก 4 คน กระทำความผิดอาญาจริง และเสนอความเห็นให้ตนปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวต่อว่า จากการพิจารณาแล้วพบว่า มีความร้ายแรงของข้อเท็จจริงเกิดขึ้นจากการกระทำผิด ซึ่งขณะนี้ถือว่าเป็นผู้ต้องหาคดีอาญา รวมถึงจากการที่ศาลออกหมายจับทั้ง 5 ราย จึงต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนพิจารณาวินัย ตาม พ.ร.บ.ตำรวจ จากนั้นเราเห็นว่าด้วยพฤติการณ์ต่างๆ การสอบสวนของคณะกรรมการคงไม่แล้วเสร็จโดยเร็ว ก็ให้ออกจากราชการไว้ก่อน ซึ่งเป็นไปตามกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการสั่งพัก และออกราชการไว้ก่อนทุกประการ

ทั้งนี้ ตนในฐานะรักษาราชการ ผบ.ตร. มีอำนาจเช่นเดียวกับ ผบ.ตร. โดยจากการที่กองวินัยเสนอขึ้นมาตนเองเป็นผู้ลงนามไม่ใช่นายกรัฐมนตรี แต่ตามขั้นตอนเราต้องรายงานต่อนายกฯ เนื่องจากนายกฯ เป็นผู้ออกคำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไปช่วยราชการที่สำนักนายกฯ และเมื่อนายกฯ ทราบแล้ว ทางสำนักงานปลัดสำนักนายกฯ ก็มีหนังสือที่นายกฯ ลงนามส่งตัวกลับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ถือว่าเป็นกระบวนการตามขั้นตอนของกฎหมายทุกขั้นตอน

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ยืนยันว่า หนังสือส่งตัวกลับของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ถูกส่งกลับมาถึงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยตนเองได้เซ็นคำสั่งพักราชการ และให้ออกจากราชการไว้ก่อนแล้ว มีผลตั้งแต่วันนี้ แต่กระบวนการออกจากราชการ ยังต้องดำเนินการตามกระบวนการของ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ซึ่งตอนนี้ได้ออกคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนพิจารณาทางวินัย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จากการถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยร้ายแรง และให้ออกจากราชการไว้ก่อน

สำหรับกรอบระยะเวลา ตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ตั้งแต่เริ่มกระบวนการ และการขยายเวลาอยู่ที่ 270 วัน ถ้าไม่แล้วเสร็จเป็นหน้าที่ของผู้บังคับบัญชาให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จตามกำหนด ดังนั้นกรอบเวลามีอยู่แล้ว เราเชื่อว่า การสอบสวนจะไม่แล้วเสร็จโดยเร็ว จึงต้องให้ออกจากราชการไว้ก่อน ส่วนคนที่เป็นประธานในการสอบครั้งนี้คือ พล.ต.ท. สราวุฒิ การพานิช รอง ผบ.ตร.

ส่วน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะอุทธรณ์หรือไม่นั้น ก็เป็นสิทธิ์ของท่าน โดยคณะกรรมการสอบก็จะให้โอกาสได้ใช้สิทธิ์ร้องทุกข์ และอุทธรณ์คำสั่งต่อคณะกรรมการพิทักษ์คุณธรรม ตาม กฎหมายตำรวจปี 2565 ได้ด้วย ซึ่งเจ้าตัวจะทราบเรื่องแล้วหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่กองวินัยจะต้องแจ้งให้ทราบ แบะไม่ทราบว่ามีหนังสือไปถึงแล้วหรือไม่

ส่วนคดีของพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ที่ตอนนี้เป็นคดีอยู่ที่ สน.เตาปูน ก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอน ซึ่งคดีของผบ.ตร. นายกรัฐมนตรีต้องเป็นผู้ดำเนินการตามกฎหมาย เพราะ เป็นตำแหน่ง ผบ.ตร.

ผู้สื่อข่าวถามว่า การเข้าพบเพื่อแจ้งเรื่องดังกล่าวนายกฯ ได้กำชับอะไรหรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ท่านได้ให้ดำเนินการไปตามกฎหมาย ระเบียบ และคำสั่ง อย่างเคร่งคัด และรอบคอบเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า กังวลหรือไม่ว่าจะถูกมองว่าเป็นการกระทำดังกล่าวจะส่งผลดีต่อตัวเองให้ได้ขึ้นตำแหน่ง ผบ.ตร. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ยืนยันว่า ไม่ได้กังวลหรือหวั่นไหวใดๆ เพราะ ทำงานตามระเบียบ รวมถึงตตนแม้จะเป็นแคนดิเดตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเช่นเดียวกับ แต่ไม่ได้สนใจ เพราะ ตอนนี้มีบทบาทหน้าที่เป็นรักษาราชการแทน ก็ต้องทำงานตามขั้นตอน

ทั้งนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวอีกว่า หากการดำเนินการในครั้งนี้ ถ้า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะไปร้องทุกข์อุทธรณ์ หรือชี้แจงข้อเท็จจริง ก็สามารถทำได้อยู่แล้ว และจะต้องไปพิสูจน์กัน แต่การจะดึงตนเข้าไปเป็นผู้ขัดแย้ง ตนคิดว่า ถ้ามันเกิดขึ้นจริงตนก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะตนเองถูกมอบหมายให้เป็นตำแหน่งรักษาราชการแทน อยู่ในจุดที่จะต้องพร้อมรับทุกสิ่งทุกอย่าง การนำพาตำรวจไปสู่การทำงานที่ดี ประชาชนยอมรับ และผลสะท้อนกลับมาสู่ภาพลักษณ์ขององค์กร ซึ่งในขณะเดียวกันตนเองก็ยืนอยู่ท่ามกลางความเห็นต่างของหลายฝ่าย ก็ต้องยอมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับตนเอง แต่ก็ไม่ได้หนักใจอะไร

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ยืนยันอีกว่า ไม่ได้รับใบสั่ง หรือกลัวถูกเช็คบิลย้อนหลัง เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องการพิจารณาในพฤติการณ์ในคดี และความร้ายแรงที่เกิดขึ้น ตามความผิดของคดีเว็บพนันออนไลน์ BNK Master และมีความพยายามหลีกเลี่ยงหมายเรียก จึงนำไปสู่การออกหมายจับ ซึ่งเป็นการทำให้เกิดความเสื่อมเสียแก่องค์กร

Related Posts

Send this to a friend