รอง ผบช.น. เผยคดีชาวต่างชาติ เสียชีวิต 6 ศพ พบสารไซยาไนด์ในถ้วยชา เชื่อผู้ก่อเหตุเหตุคือ 1 ในผู้เสียชีวิต
รอง ผบช.น. นำทีมแถลงคืบหน้า กรณีชาวต่างชาติ เสียชีวิตภายในโรงแรมดัง ย่านราชประสงค์ เผย พบสารไซยาไนด์ในถ้วยชาของผู้เสียชีวิตทั้งหมด ไม่พบบุคคลอื่นเข้าไปในห้อง เชื่อผู้ก่อเหตุเหตุคือ 1 ในผู้เสียชีวิต มั่นใจ ไม่เกี่ยวแก๊งอาชญากรรม เป็นเรื่องส่วนบุคคลปัญหาทางธุรกิจ
วันนี้ (17 ก.ค. 67) เวลา 11:00 น. ที่สถานีตำรวจนครบาลลุมพินี พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (สพฐ.ตร.) พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล แถลงข่าวภายหลังร่วมประชุมติดตามความคืบหน้ากรณีที่ชาวต่างชาติเสียชีวิตภายในโรงแรมชื่อดังย่านราชประสงค์
พล.ต.ต.นพศิลป์ ระบุว่า จากการสืบสวนสอบสวน การซักถามพยาน และญาติของผู้เสียชีวิต ทราบว่า ที่มีการจองห้องไว้ 7 คน ซึ่งบุคคลที่ 7 ที่ตั้งข้อสงสัยกัน คือน้องสาวของ ผู้เสียชีวิตหมายเลข 2 หรือ Ms. Thi Nguyen Phuong Lan ที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยพร้อมกัน ในวันที่ 4 กรกฎาคม 2567 โดยน้องสาวคนดังกล่าว ได้เดินทางกลับไปก่อนวันที่เกิดเหตุ ในวันที่ 10 ก.ค. และไม่ได้เข้ามาที่โรงแรม ปลายทางอยู่ที่เมืองดานัง ประเทศเวียดนาม จึงเชื่อว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว และจากการตรวจสอบการมาเช็คอินห้องพักทั้งหมด ผู้เสียชีวิตเข้ามาเช็คอินด้วยตัวเอง ไม่มีผู้อื่น หรือบุคคลภายนอกปลอมแปลงเข้ามา
อีกทั้งจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด บริเวณหน้าห้องที่เกิดเหตุ ห้อง 502 ตั้งแต่วันแรกที่เข้าพักจนถึงวันที่ 15 ก.ค. ผู้เสียชีวิตหมายเลข 5 หรือ Ms.Sherine Chong เป็นผู้ที่อยู่ในห้องพักที่เกิดเหตุ เพียงคนเดียว ส่วนคนอื่นได้ทยอยเข้ามาในห้องพักหลังจากนั้น
ส่วนภาพชุดเครื่องดื่มชา ที่ปรากฏออกไป เจ้าหน้าที่ได้เรียกพนักงานเสริฟอาหารที่ห้องดังกล่าวมาสอบปากคำ ซึ่งทราบว่า ผู้เข้าพักในห้อง 502 ได้สั่งอาหารจำนวนหนึ่ง คือ ข้าวผัด 5 จาน ต้มยำกุ้ง 4 จาน ผัดผักรวม 4 จาน ผัดผักบุ้ง 1 จาน และชา 2 กระบอก พร้อมแก้วน้ำชา 6 ใบ หลังจากนั้นได้สั่ง อาหารเพิ่มรอบที่ 2 คือ ข้าวผัด อีก 1 จาน และกำชับให้นำมาส่งที่ห้องในเวลา 14:00 น.
แต่พนักงานเสริฟ ได้เข้าห้องไปเสริฟในเวลา 13:51 และออกจากห้อง ในเวลา 13:57 น. ใช้เวลารวมกันกว่า 6 นาที โดยพนักงานเสริฟให้ข้อมูลว่า ได้นำอาหารเข้าไปเสริฟ ในระหว่างนั้น พบหมายเลข 5 เพียงคนเดียว จึงถามว่า จะให้ชงชาให้หรือไม่ แต่ผู้เสียชีวิตหมายเลข 5 ปฏิเสธ และจะชงชาด้วยตัวเอง จากนั้นพนักงานเสริฟได้เดินทางออกจากห้อง
จากนั้น ในเวลาประมาณ 14:12 น. กลุ่มผู้เสียชีวิตทั้งหมดได้เก็บกระเป๋าแล้วทยอยมารวมตัวกันที่ห้อง 502 โดยที่ก่อนหน้า มีหมาย 5 อยู่รอในห้องเพียงคนเดียว และหลังจากเวลา 14:17 น. ก็ไม่พบการออกจากออกจากห้องอีกเลย
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด ยืนยันได้ว่า ไม่มีมีบุคคลภายนอกเข้าไปใน 502 เลย แต่เนื่องจากเลยเวลาเช็คเอ้าท์ไปแล้ว พนักงานจึงขึ้นไปตรวจสอบ พบว่าประตูล็อคจากด้านหน้า และส่องดูที่ร่องประตู พบว่ามีร่างคนนอนอยู่บริเวณประตู จึงแจ้ง รปภ. ให้เข้าบริเวณด้านหลัง และพบว่าประตูด้านหลังไม่ได้ล็อค จึงเปิดเข้าไปพบศพ และได้แจ้งเจ้าหน้าที่ ซึ่งการตรวจสอบไม่พบว่ามีบุคคลใดที่จะเข้าออกห้องได้ มีเพียง รปภ. ที่เข้าไปตรวจสอบแล้วพบศพเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่หน่วยพิสูจน์หลักฐาน ได้ตรวจสอบเบื้องต้น พบสารไซยาไนด์ ในถ้วยชาทั้ง 6 ใบ และจากการสอบสวนเชื่อว่า ผู้ก่อเหตุ เป็น 1 ในผู้เสียชีวิตทั้ง 6 และเป็นเรื่องส่วนบุคคล ไม่เกี่ยวข้องกับขบวนการ หรือแก๊งองค์กรอาชญากรรมแต่อย่างใด โดยการใช้สารดังกล่าวจะเป็นการนำเข้ามาหรือซื้อในประเทศไทยนั้นยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ
ขณะนี้ ทางนิติเวชอยู่ระหว่างรอผลชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียด รวมถึงผลการพิสูจน์หลักฐานในที่เกิดเหตุ ลายนิ้วมือ และ DNA คาดว่าจะทราบผลในช่วงบ่ายวันนี้ ซึ่งได้ประสานสถานเอกอัครทูตสหรัฐอเมริกา สถานทูตเวียดนาม และฝ่ายความมั่นคงของเวียดนามตรวจสอบข้อมูลของผู้เสียชีวิตทั้ง 6 รายแล้ว
จากการสอบถามข้อมูลจากญาติของผู้เสียชีวิต ทราบว่า ในกลุ่มผู้เสียชีวิตมีผู้ที่เป็นสามีภรรยาประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้างถนนในประเทศเวียดนามซึ่งได้ ร่วมลงทุน สร้างโรงพยาบาลในประเทศญี่ปุ่น คิดเป็นเงินไทยมูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท ตามที่ผู้หญิงหมายเลข 5 ได้ชักชวน แต่ไม่มีความคืบหน้า ซึ่งที่ผ่านมามีการทวงถามอยู่ตลอดก่อนหน้านี้ จึงได้มีการนัดหมายให้ไปเคลียร์กันที่ประเทศญี่ปุ่น แต่ติดขัดเรื่องการขอวีซ่าจึงเปลี่ยนมาเป็นประเทศไทย โดยในวันนี้จะสอบปากคำญาติ 3-4 คนเพิ่มเติม รวมทั้งจากการตรวจกระเป๋าเดินทาง ของผู้เสียชีวิตไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย พบแต่เอกสารสำคัญ มี 1 ใบที่ 6 เอกสารการฟ้องร้องเรื่องที่ดิน แต่ไม่พบเกี่ยวข้องทางคดีนี้
เบื้องต้นจากพยานหลักฐานผู้ก่อเหตุอยู่ในกลุ่มผู้เสียชีวิต และยังไม่พบว่าเป็นกลุ่มตามหมายจับสากลตามที่มีกระแสข่าว
ด้าน พล.ต.ท.ไตรรงค์ ระบุว่า ผลจากการตรวจเบื้องต้นเชิงคุณภาพพบเป็นสารไซยาไนด์เป็นของเหลวที่อยู่ในกาน้ำชา คราบกาแฟ 6 ถ้วย และจากเก็บตัวอย่างเลือด 1 ในผู้เสียชีวิต พบเลือดมีส่วนผสมไซยาไนด์ ส่วนการตรวจด้านปริมาณ ใช้มากน้อยแค่ไหน มีสารอื่นผสมหรือไม่ ต้องผลรายละเอียดอีกครั้ง