CRIME

ปอศ. ร่วมกับ คปภ. จับกุม เครือข่ายโกงประกันโควิด

ทั้งการนำผลตรวจปลอมแลกเงินประกัน และตัวแทนบริษัทประกันชีวิต หลอกทำประกันเก็บเบี้ยประกันไม่ส่งให้บริษัท

วันนี้ (16 ส.ค. 65) เวลา 10:00 น. กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) นำโดย พล.ต.ท. จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) เป็นประธานในการแถลงข่าวการจับกุม เครือข่ายโกงประกันโควิด และกลุ่มบุคคลหลอกให้ทำประกันชีวิตแต่ไม่ดำเนินการทำสัญญา รวมถึงเก็บเบี้ยประกันของเหยื่อไม่ส่งให้บริษัทประกัน โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้รวม 14 ราย

ผู้ต้องหาจำนวน 11 ราย ถูกจับกุมในฐานความผิด “ปลอมและใช้เอกสารปลอม เรียกร้องผลประโยชน์ตามกรมธรรม์โดยทุจริตหรือแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จในการเรียกร้อง” ตาม พ.ร.บ.ประกันวินาศภัย พ.ศ.2535 และ ประมวลกฎหมายอาญา

ผู้ต้องหาจำนวน 3 ราย ถูกจับกุมในฐานความผิด “โดยทุจริตหลอกลวงผู้อื่นด้วยการชักชวน ชี้ช่อง หรือจัดการให้ผู้อื่นนั้นทำหรือรักษาสถานะสัญญาประกันชีวิตกับบริษัท แต่ไม่ดำเนินการให้มีการทำสัญญาเกิดขึ้น หรือไม่ดำเนินการเกี่ยวกับการรักษาสถานะสัญญาประกันชีวิตเดิมและโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม” ตาม พ.ร.บ.ประกันชีวิต พ.ศ.2535

คปภ. ได้แจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับกลุ่มคนที่ปลอมเอกสารผลการตรวจโรคโควิด-19 เพื่อเรียกร้องผลประโยชน์จากการทำประกันดังกล่าวโดยทุจริต และกลุ่มคนที่หลอกลวงให้คนทั่วไปเข้าทำสัญญาประกันชีวิตแต่ไม่ได้ดำเนินการให้มีการทำสัญญาประกันภัยเกิดขึ้น หรือไม่ดำเนินการรักษาสถานของสัญญาประกันชีวิตดังกล่าว รวมจำนวนทั้งสิ้น 21 ราย โดยเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2565 พนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ. ได้ดำเนินการขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 21 ราย ต่อศาลอาญา

ต่อมาในระหว่างวันที่ 4-15 สิงหาคม 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปอศ. ได้ร่วมกันติดตามจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาที่ปลอมเอกสารผลการตรวจโรคโควิด-19 และนำไปเรียกร้องผลประโยชน์จากการทำประกันดังกล่าวโดยทุจริต จำนวน 11 ราย และจับกุมกลุ่มคนที่หลอกลวงให้คนทั่วไปเข้าทำสัญญาประกันชีวิต แต่ภายหลังกลับไม่ได้ดำเนินการให้มีการทำสัญญาประกันภัยเกิดขึ้นหรือไม่ดำเนินการรักษาสถานของสัญญาประกันชีวิตดังกล่าว จำนวน 3 ราย รวมจำนวนทั้งหมด 14 ราย นำส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ. ดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งทางคดีอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลหาตัวผู้ร่วมขบวนการต่อไป

นอกจากนี้ สอบสวนกลาง ฝากเตือนถึงประชาชนว่าการนำเอกสารปลอมหรือเอกสารอันเป็นเท็จไปเบิกจ่าย ค่าสินไหมทดแทนโดยทุจริต นอกจากจะเป็นความผิดอาญาแล้ว ยังทำให้ประชาชนผู้เจ็บป่วยด้วยโรคโควิด-19 จริง เสียประโยชน์จากความล่าช้าในการเบิกค่าสินไหมทดแทน ทั้งยังทำให้รัฐต้องเสียหายจากการนำเงินงบ ประมาณแผ่นดินมาช่วยสนับสนุนบริษัทประกันที่ต้องสูญเสียรายได้ไปจากการกระทำดังกล่าวของกลุ่มคนดังกล่าวด้วย

สำหรับกลุ่มคนที่หลอกลวงให้คนทั่วไปเข้าทำสัญญาประกันชีวิตแต่ไม่ได้ดำเนินการให้มี การทำสัญญาประกันภัยเกิดขึ้นหรือไม่ดำเนินการรักษาสถานของสัญญาประกันชีวิตดังกล่าว ถือว่ามีความผิด ตามกฎหมายและเป็นการซ้ำเติมประชาชนในภาวการณ์ระบาดด้วยเช่นกัน

อนึ่ง การกล่าวโทษของ คปภ. เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการบังคับใช้กฎหมายทางอาญาเท่านั้น ภายใต้ กระบวนการนี้ การพิจารณาวินิจฉัยว่าบุคคลใดเป็นผู้กระทำผิดกฎหมาย เป็นขั้นตอนในอำนาจการสอบสวน ของพนักงานสอบสวน การสั่งฟ้องคดีของพนักงานอัยการ ตลอดจนดุลพินิจของศาลยุติธรรมตามลำดับ

Related Posts

Send this to a friend