รวบแก๊งทวงหนี้นักธุรกิจไต้หวัน เรียกค่าไถ่ 93 ล้าน พบเป็นอดีตทหารอเมริกัน อ้างขัดแย้งธุรกิจซื้อขายถุงมือยาง
ตำรวจคอมมานโดกองปราบปรามบุกเข้าจับกุมแก๊งทวงหนี้ข้ามชาติ หลังก่อเหตุบุกอุ้มนักธุรกิจชาวไต้หวันกลางร้านอาหารย่านทองหล่อ เมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา โดยสามารถจับกุมอดีตทหารสัญชาติอเมริกัน พร้อมพวกซึ่งเป็นชาวอิสรเอล และคนไทยรวม 3 คน ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ในข้อหาร่วมกันเรียกค่าไถ่ พยายามฆ่า อั้งยี่ ซ่องโจร ข่มขืนใจ กักขังหน่วงเหนี่ยว และทำร้ายร่างกาย
พลตำรวจตรี จิรภพ ภูริเดช รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และพันตำรวจโท ณัฐกิตติ์ จอกโคกสูง รองผู้กำกับการสืบสวน สน.ทองหล่อ ระบุว่า พฤติกรรมของผู้ต้องหาได้รับว่าจ้างจากหัวหน้าขบวนการชาวอเมริกัน ให้ลักพาตัวและเรียกค่าไถ่นักธุรกิจชาวไต้หวันผู้เสียหาย เป็นเงิน 3 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ หรือ กว่า 93 ล้านบาท เพื่อมาชดใช้หนี้ธุรกิจซื้อขายถุงมือยางเมื่อปลายปี 2563 โดยแก๊งทวงหนี้ได้ล่อให้ผู้เสียหายออกมาพบที่ร้านอาหารในซอยสุขุมวิท 36 อ้างว่าต้องการซื้อถุงมือยาง แต่กลับล็อกตัว ใส่กุญมือไพล่หลังกลางวันแสกๆ และลากไปยังห้องพักในบริเวณใกล้เคียง ก่อนบังคับเรียกค่าไถ่รวม 3 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ แต่ผู้เสียหายได้พยายามเจรจาต่อรองว่าจะติดต่อกับบริษัทแม่ในต่างประเทศให้ชำระหนี้ดังกล่าว เพราะตัวเองไม่มีอำนาจในการเบิกจ่ายเงิน ผู้ต้องหาจึงยอมปล่อยตัวผู้เสียหายออกมา
อย่างไรก็ตามการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่อุกอาจ ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย มีการทำเป็นขบวนการของกลุ่มอาชญากรต่างชาติ และร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ของรัฐในการกระทำความผิด ตำรวจกองปราบปรามจึงดำเนินการออกหมายจับผู้ต้องหารวม 8 คน มีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยสามารถจับกุมได้แล้ว 3 คน และเตรียมประสานเข้ามอบตัวอีก 1 คน
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพบางส่วน ว่าได้รับว่าจ้างให้ไปอุ้มผู้เสียหายจริง โดยได้รับค่าจ้างเป็นเงิน 5 ล้านบาท สำหรับสาเหตุตำรวจยังไม่สามารถยืนยันได้ชัดเจนว่าเป็นการขัดแย้งเรื่องธุรกิจถุงมือยางตามที่ผู้ต้องหาอ้างหรือไม่ ส่วนแก๊งทวงหนี้ที่ก่อเหตุเป็นการว่าจ้างจากต่างประเทศเข้ามาในไทย หรือเป็นคนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยอยู่แล้วนั้น อยู่ระหว่างการสอบสวน
อย่างไรก็ตามในการแถลงข่าวครั้งนี้ นายสันธนะ ประยูรรัตน์ ได้ร่วมสังเกตุการณ์การแถลงข่าวและสอบถามว่าตนเองมีส่วนเกี่ยวข้องในคดีดังกล่าวหรือไม่ ซึ่งรองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางกล่าวว่า ยังไม่พบความเชื่อมโยง ก่อนจะเชิญตัวนายสันธนะไปพูดคุยภายหลัง