CRIME

สตม.แถลงทลายเครือข่าย CHET CHEA ขนต่างด้าวข้ามชาติ

สตม.แถลงทลายเครือข่าย CHET CHEA ขนต่างด้าวข้ามชาติ หลังขยายผลจากอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำ ที่ จ.สุราษฎร์ธานี พบคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองสัญชาติบังกลาเทศ จำนวน 43 คน

วันนี้ (13 มี.ค. 67) เวลา 11.00 น. ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. ,พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม. ,พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตต์ประยูรตี รอง ผบก.สส.สตม. ,พ.ต.อ.ธวัชชัย นรินรัตน์ ผกก.1 บก.สส.สตม. ,พ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพยอมรอง ผบก.ตม.3 ร่วมแถลงข่าวขยายผลทลายเครือข่าย CHET CHEA เหมาทัวร์ซุก 43 บังกลา ส่งมาเลเซียโดย ตม.จว.สุราษฎร์ธานี ร่วมกับ กก.ปอพ.บก.สส.สตม. ,กก.สส.บก.ตม.6 และสน.พญาไท จับกุม นายเจต (นามสมมติ) อายุ 34 ปี สัญชาติกัมพูชา ตามหมายจับศาลจังหวัดไชยา ที่ จ.37/2567 ลงวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 ต้องหาว่ากระทำความผิดฐานรู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง ให้เข้าพักอาศัยซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เสวียด จ.สุราษฎร์ธานี ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุมหน้าโรงแรมย่าน แขวงพญาไท เขตราชเทวี กทม.

พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ กล่าวว่าเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2566 ได้เกิดเหตุรถบัสโดยสารไม่ประจำทางประสบอุบัติเหตุพลิกคว่ำพื้นที่ ต.เสวียด อ.ท่าฉาง จ.สุราษฎร์ธานี ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมนายณัฐพล และนายสำเภาคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองสัญชาติบังกลาเทศ จำนวน 43 คน จากการสืบสวนขยายผลพบว่าคนขับรถบัสโดยสารคันเกิดเหตุได้รับการติดต่อว่าจ้างจากนายวิรัตน์ และ น.ส.คำเตือน ให้ไปรับคนต่างด้าวสัญชาติบังกลาเทศ จากปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งใน จ.ฉะเชิงเทรา ไปส่งยัง จ.สงขลา ตกลงค่าจ้างเหมา 50,000 บาท โดยมีนายวิรัตน์ เป็นรถนำทาง แจ้งด่านตรวจ จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในปั้มน้ำมัน พบขบวนการขนมาเปลี่ยนถ่ายคนต่างด้าว ไปยังรถบัส จำนวน 5 คัน เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนฯ จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับ นายวิรัตน์ และ น.ส.คำเตือน และสามารถติดตามจับกุมตัวได้ เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2566

จากการสืบสวนขยายผลจากการจับกุม สามารถออกหมายจับ นายณัฐวัฒน์ และแจ้งข้อกล่าวหาแก่นายเอนก ซึ่งทั้ง 2 คน ทำหน้าที่ขับรถขนคนต่างต้าว จากพื้นที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เพื่อไปส่งที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งใน จ.ฉะเชิงเทรา หลังจากการจับกุมทั้ง 2 คน เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนฯ ได้สืบสวนขยายผลเพื่อขอศาลอนุมัติหมายจับผู้ร่วมกระทำผิดเพิ่มเติมอีก 3 คนคือ 1.นายเสือ ทำหน้าที่ว่าจ้างทีมรถขนคนต่างด้าว 2.นายคะนอง และ 3.นายเชาวลิต ทำหน้าที่ขับรถขนคนต่างด้าว ในเส้นทาง อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ไปยังปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งใน จ.ฉะเชิงเทรา โดยสามารถติดตามจับกุมได้ทั้งหมดเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567

พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ กล่าวเพิ่มว่า จากการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติมพบว่านายเสือ ได้รับการติดต่อประสานงานกับนายเจตซึ่งเป็นนายหน้าระดับสั่งการเครือข่าย CHET CHEA ทำหน้าที่ประสานงานกับนายหน้าขนคนต่างด้าว ตามแนวชายแดนพื้นที่ อ.อรัญประเทศ จว.สระแก้ว และนายหน้าขนคนต่างด้าวฝั่งประเทศกัมพูชา โดยหลังจากนายเสือ รับงานจากนายเจต ได้ติดต่อว่าจ้างนายวิรัตน์ ให้จัดหารถชนคนต่างด้าวไปยังพื้นที่ จ.สงขลา โดยให้ค่าจ้าง 3,000 บาท/คน และประสานงานกับนายเชาวลิต เพื่อจัดหารถยนต์ส่วนบุคคลรับคนต่างด้าว จากแนวชายแดน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ไปส่งยังจุดนัดรับส่ง ในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา โดยกลุ่มรถขนคนต่างต้าว เส้นทาง อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ไปยังสถานีจ่ายน้ำมันบางวัวได้ค่าจ้าง 1,500 บาท/คน เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอศาลอนุมัติหมายจับนายเจต และสามารถติดตามจับกุมได้ในที่สุด

อีกทั้งจากการสืบสวนเพิ่มเติมพบว่า กลุ่มรถขนคนต่างด้าวดังกล่าว มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายขนคนบังกลาเทศ นายอัสราฟ (สัญชาติบังกลาเทศ) โดยนายวิรัตน์ จะประสานงานกับนายอับบาส (สัญชาติปากีสถาน) ผู้ต้องหาหลบหนีหมายจับ 2 หมาย โดยนายอับบาส ทำหนัาที่ประสานงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ และจัดหารถขนคนต่างด้าวเส้นทาง สงขลา – นราธิวาส เพื่อนำคนต่างตัวสักลอบเดินทางออกไปยังประเทศมาเลเซีย

พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ กล่าวสรุปว่า ผลการปฏิบัติในการสืบสวนจับกุมเครือข่าย CHET CHEA ดังกล่าว สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 10 คน เป็นการจับกุมที่เกิดเหตุ 3 คน, ขยายผลออกหมายจับ 7 คน และแจ้งข้อกล่าวหา 1 คน โดยสามารถติดตามจับกุมเครือข่าย CHET CHEA ได้ทั้งหมด

Related Posts

Send this to a friend