ผบ.ตร. สั่ง จเรตำรวจสอบข้อเท็จจริง กรณี ถอนหมายจับ ส.ว.ทรงเอ
ผบ.ตร. สั่ง จเรตำรวจ สอบข้อเท็จจริง กรณี ออกหมายจับ – ถอนหมายจับ ส.ว.ทรงเอ ยืนยัน เรื่องไม่ได้เงียบหาย อยู่ระหว่างหารือภายใน ชี้ การโยกย้ายตำรวจที่ทำคดี เป็นดุลพินิจเรื่องผลงานของ ผบช.น. ไม่มีผลต่อรูปคดี
วันนี้ (13 มี.ค. 66) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีเอกสารของ พ.ต.ท.มานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ สารวัตรสืบสวนสถานีตำรวจนครบาลพญาไท ที่ชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการร้องขอออกหมายจับ ส.ว.ทรงเอ และการเพิกถอนหมายจับต่อกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม ซึ่งถูกเผยแพร่ในสื่อโซเชียลมีเดีย โดยยอมรับว่า ได้เห็นเอกสารทั้ง 7 แผ่นแล้ว จึงได้สั่งการให้จเรตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการตรวจสอบเกี่ยวกับที่มาของเอกสารดังกล่าว รวมถึงขั้นตอนการขอออกหมายจับ และการเพิกถอนหมายจับอย่างละเอียด ซึ่งเชื่อว่าอีกไม่นาน สังคมจะได้รับความกระจ่าง
ส่วนกรณีที่กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ซึ่ง พ.ต.ท.มานะพงษ์ ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับ ส.ว.ทรงเอ หลังถอนหมายจับ ที่ระบุให้มีการออกหมายเรียก ส.ว.ทรงเอ มาสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน ตามเอกสารที่ชี้แจงในข้อที่ 19 นั้น พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ยืนยันว่า ประเด็นนี้ไม่ได้เงียบหายไป แม้จะเข้าร้องทุกข์ตั้งแต่วันที่ 4 ตุลาคม 2565 โดยเรื่องนี้ยังอยู่ระหว่างหารือกระบวนการภายในให้เป็นไปตามขั้นตอน พร้อมย้ำว่าต้องให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย ส่วนการขอ และเพิกถอนหมายจับ ส.ว.ทรงเอนั้น ยอมรับว่า ไม่มีการรายงานให้กับผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดรับทราบ อีกทั้งขณะนั้นผู้บังคับการศูนย์สืบฯ ยังเพิ่งเข้ารับตำแหน่งได้เพียง 3 วัน
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวอีกว่า การแต่งตั้งโยกย้ายผู้กำกับ และรองผู้กำกับสารวัตรที่ทำคดี ส.ว.ทรงเอ โดยเฉพาะสารวัตร และรองผู้กำกับเป็นอำนาจของผู้บัญชาการตำรวจนครบาล โดยประเมินจากผลงานที่ผ่านมา ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจนครบาลเห็นว่าตำรวจที่ย้ายมาแทนจะสามารถทำผลงานได้ดีกว่า อีกทั้งการย้ายจากสารวัตรศูนย์สืบมาเป็นสารวัตรสืบสวนสถานีตำรวจนครบาลพญาไทนั้น ไม่ใช่เรื่องเสียหาย และไม่มีผลต่อทางคดี รวมทั้งจะตรวจสอบคดีนายทุน มิน หลัด ให้กระจ่าง แม้จะเกิดขึ้นก่อนที่ตนเข้ารับตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ด้าน พลตำรวจเอกวิษณุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ ก็กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ได้อ่านเอกสารทั้งหมดแล้ว และคิดไว้แล้วว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ยืนยันว่าไม่มีอะไรล่าช้า ทุกอย่างทำอย่างตรงไปตรงมา ต้องทำความจริงให้ปรากฏต่อสังคม
