CRIME

ผบ.ตร.-อธิบดีอัยการ ส่งสำนวนคดี ‘ตู้ห่าว’ ให้ อสส.พิจารณาสั่งฟ้อง

ผบ.ตร. – อธิบดีอัยการ ส่งสำนวนคดี ‘ตู้ห่าว’ ให้อัยการสูงสุดพิจารณาสั่งฟ้อง มั่นใจ พยานหลักฐาน สามารถเอาผิดข้อหา “อาชญากรรมข้ามชาติ” ได้แน่นอน ด้าน ‘ชูวิทย์’ โผล่ขอโทษที่ล่วงเกิน ขอติดตามคดีนี้ต่อไป ยันไม่มีเจตนาแอบแฝง

วันนี้ (13 ม.ค. 66) เมื่อเวลา 10:00 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย นายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน นำสำนวนคดีเกี่ยวกับ นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ ตู้ห่าว กว่า 13 กล่อง ส่งมอบให้อัยการสูงสุด เพื่อพิจารณาความเห็นทางคดีในการสั่งฟ้อง นายตู้ห่าวกับพวก รวม 43 ราย ประกอบด้วยผู้ต้องหาเป็นบุคคลจำนวน 38 ราย และนิติบุคคลอีก 5 รายโดยในจำนวนนี้ยังมีผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีการจับกุมจำนวน 18 รายซึ่งเป็นบุคคล

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า คดีนี้จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคม 2565 เมื่อกองบัญชาการตำรวจนครบาล นำโดย พลตำรวจโท ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และตำรวจฝ่ายสืบสวน ร่วมกันเข้าตรวจค้นผับจินหลิงจนพบผู้เสพสารเสพติดซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน ชาวไทย และชาติอื่นๆ รวมกว่า 70 คน จากการสืบสวนหลังเข้าตรวจค้นพบว่า ผับดังกล่าวมีผู้อยู่เบื้องหลังคือ นายตู้ห่าว หรือนาย ชัยณัฐ​ร์​ กรณ์​ชา​ยานันท์ นอกจากนี้จากการสืบสวนของตำรวจฝ่ายสืบสวนนครบาลยังพบผู้ร่วมกระทำผิดซึ่งเป็นผู้ต้องหาหลักๆ ได้ทั้งสิ้น 43 ราย โดยแบ่งเป็นบุคคลจำนวน 38 ราย และนิติบุคคลอีก 5 ราย ซึ่งในจำนวนนี้ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 20 ราย ส่วนที่เหลืออีก 18 รายยังหลบหนี

อีกทั้ง ในคดีนี้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลได้ทำหนังสือถึงอัยการสูงสุดให้พิจารณาดำเนินคดี กับตู้ห่าว และพวก ในความผิดฐานอาชญากรรมข้ามชาติ หรือคดีนอกอาณาจักร ต่อมาอัยการสูงสุด รับพิจารณา แล้วเห็นว่าคดีนี้เป็นคดีนอกราชอาณาจักรหรือคดีอาชญากรรมข้ามชาติ จึงสั่งตั้งคณะทำงานพนักงานสอบสวนของอัยการสูงสุดขึ้นมาทำงานร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดย อัยการสูงสุดรับคดีนี้เข้าสู่การสอบสวนในวันที่ 16 ธันวาคม 2565

ทั้งนี้ คณะทำงานสอบสวนร่วมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และอัยการสูงสุดได้ทำงานร่วมกันมาตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม 2565 จนเสร็จสิ้นแล้ว พร้อมสรุปสำนวนในวันนี้ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนมีความมั่นใจว่า พยานเอกสาร และพยานนิติวิทยาศาสตร์ต่างๆ ที่รวบรวมมา จะสามารถแจ้งข้อกล่าวหานายตู้ห่าวในฐานความผิดที่เกี่ยวข้องกับการเป็นเจ้าของผับจินหลิง และค้ายาเสพติดได้ และขอให้ความมั่นใจว่า นายตู้ห่าวจะไม่หลุดจากข้อกล่าวหาที่เกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติอย่างแน่นอน

ส่วนการดำเนินคดีกับตำรวจทั้ง 6 นายที่มีส่วนกระทำความผิดในคดีตู้ห่าว พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ระบุว่า ตำรวจ 5 นาย ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือผู้ต้องหา ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอน การพิจารณาของ ปปช. ซึ่งในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนแล้ว หลังพบว่ามีส่วนทำให้คดีเสียหาย ส่วน พ.ต.อ.วัทนารีย์ ภรรยาของนายตู่ห่าว ซึ่งพบพยานหลักฐานเชื่อมโยงว่ามีส่วนรู้เห็นกับการฟอกเงิน เป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้เลย จึงต้องให้ออกจากราชการเช่นเดียวกัน ยืนยันว่าตำรวจไม่มีการช่วยเหลือบุคคลใดบุคคลหนึ่ง

ด้าน นายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน กล่าวว่าจากการสอบสวนร่วมกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และตำรวจนครบาลรวมถึงอีก 4 หน่วยงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สอบปากคำพยานได้กว่า 70 ปาก นอกจากนี้ยังมีพยานหลักฐานเป็นพยานเอกสาร พยานจากนิติวิทยาศาสตร์ และวัตถุพยานอื่นๆ อีกจำนวนมาก รวมทั้งสามารถยึดอายัดทรัพย์ได้กว่า 5,000 ล้านบาท จึงมั่นใจว่า สำนวนทั้ง 13 ลังนี้ จะสามารถเอาผิดผู้ต้องหาทั้งหมดได้ ตามข้อกล่าวหาที่ตั้งมาก่อนหน้านี้ได้

นายกุลธนิต ยังกล่าวอีกว่า ตั้งแต่รับคดีนี้เข้าสู่อำนาจการสอบสวน เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา ตนเองพร้อมคณะอัยการ และตำรวจ 4 หน่วยงานในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ทำงานตลอดทั้งวันทั้งคืน จนสามารถสอบปากคำพยานผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในคดี ซึ่งสำนวนที่นำมาส่งให้อัยการสูงสุดในวันนี้ ถือว่าสิ้นสุดการสอบสวนแล้ว หลังจากนี้จะเป็นอำนาจของอัยการสูงสุดที่จะพิจารณาสำนวนเพื่อนำไปสู่ความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหา และขอยืนยันว่าคณะพนักงานสอบสวนทั้งสององค์กรไม่มีการเรียกรับ สินบน หรือผลประโยชน์ใดๆ ในการทำคดีตู้ห่าว

อย่างไรก็ตามในระหว่างที่คณะพนักงานสอบสวนนำสำนวนมาส่งมอบให้อัยการสูงสุด นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ซึ่งถือเป็นฟันเฟืองสำคัญในการตรวจสอบคดีนี้ ได้เดินทางมาร่วมสังเกตการณ์ และให้กำลังใจกับคณะทำงาน โดยนายชูวิทย์ ได้ยกมือไหว้ขอโทษอธิบดีอัยการ และ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่ได้กระทำการล่วงเกินต่อคณะทำงาน แต่ขอยืนยันว่า การกระทำของตนเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ ไม่มีเรื่องอื่นแอบแฝง พร้อมยืนยันว่าจะเกาะติดคดีนี้ต่อไป

Related Posts

Send this to a friend

Thailand Web Stat