CRIME

ปปง. – DSI – ตำรวจ ร่วมแถลงยึดทรัพย์กว่าพันล้านบาท คดี “ยาเสพติด – ฉ้อโกง – ลักลอบหนีศุลกากร“

วันนี้ (12 ธ.ค. 66) นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการ ปปง. พร้อมด้วย พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ DSI, พ.ต.ท.จักร จุลกะรัตน์ รักษาราชาการแทนผู้อำนวยการกิงคดี 3, พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท., พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก. และนายสุริยน ประภาสะวัต อัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 1 สำนักงานการสอบสวน แถลงผลการประชุมคณะกรรมการธุรกรรม ซึ่งได้ดำเนินการกับทรัพย์สิน 996 รายการ 35 คดี มูลค่าทรัพย์สินกว่า 1,191 ล้านบาท พร้อมมอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบทรัพย์สิน 31 รายคดี

ที่ประชุมคณะกรรมการธุรกรรม ครั้งที่ 12/2566 เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 66 ได้พิจารณาเห็นชอบให้ดำเนินการกับทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดดังนี้

1.การยึดอายัดทรัพย์สิน จำนวน 20 รายคดี ทรัพย์สิน 769 รายการ พร้อมดอกผล มูลค่า 1,071 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นทรัพย์สินเกี่ยวกับความผิดมูลฐานยาเสพติด คดีฉ้อโกงประชาชน หรือการฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ และการลักลอบหนีศุลกากร เช่น คดียาเสพติดของนายประสิทธิ์ หรือ เหว่ย เซี้ยะกัง ที่เกี่ยวกับการลักลอบจำหน่ายเสพติด, คดีของนายฉี ซู กับพวก ที่เป็นความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน และมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรข้ามชาติ และความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงินของกลุ่มทุนจีนสีเทา และคดี ขบวนการนำเข้าสินค้าประเภทซากสัตว์ (สุกร) เข้ามาในประเทศโดยผิดกฎหมาย ซึ่งคดีเหล่านี้เป็นคดีที่มีการยึด และอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว

2.ส่งเรื่องให้พนักงานอัยการยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน จำนวน 10 รายการ ทรัพย์สิน 147 รายการ พร้อมดอกผล มูลค่าประมาณ 57 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการลักลอบหรือศุลกากร และความผิดเกี่ยวกับการจัดให้มีการเล่นพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่น รายคดีนายบรมฯ กับพวก เป็นความผิดเกี่ยวกับการเล่นพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ และความผิดฟอกเงิน โดยสืบเนื่องจากการสืบสวน การกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยป่าตองก่อนของ น.ส.สรารัตน์ หรือ แอม ไซยาไนด์ ซึ่งมีข้อมูลการทำธุรกรรมทางการเงินกับกลุ่มบัญชีเงินฝากธนาคารที่ใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับการพนันออนไลน์ โดยคณะกรรมการธุรกรรมได้มีมติส่งเรื่องให้พนักงานอัยการ เพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน จำนวน 26 รายการ พร้อมดอกผล มูลค่าประมาณ 15 ล้านบาท

3.ส่งเรื่องให้พนักงานอัยการ ยื่นคำร้องขอให้มีคำสั่งให้นำทรัพย์สินไปคืน หรือชดใช้คืนผู้เสียหาย (คุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย) จำนวน 5 รายคดี ทรัพย์สิน 80 รายการ พร้อมดอกผล มูลค่าประมาณ 65 ล้านบาท ในความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน เช่น รายคดีบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งกับพวก เป็นความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน โดยมีพฤติการณ์หลอกลวงผู้เสียหายให้ร่วมลงทุนเกี่ยวกับธุรกิจแฟรนไชส์น้ำมันเพื่อการเกษตร ธุรกิจแฟรนไชส์โครงการรถเก็บขยะพลังงานไฟฟ้า โดยคณะกรรมการธุรกรรมเห็นชอบให้ส่งเรื่องให้พนักงานอัยการเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้นำทรัพย์สินไปคืนหรือชดใช้ให้ผู้เสียหาย โดยดำเนินการกับทรัพย์สิน 39 รายการ มูลค่าประมาณ 32 ล้านบาท และดำเนินการคุ้มครองสิทธิผู้เสียหายจำนวน 400 ราย

ทั้งนี้ นายเทพสุ กล่าวว่า เราไม่ได้คาดหวังเพียงแต่คดีการยึดทรัพย์เพียงอย่างเดียว แต่เราคาดหวังการใช้มาตราการทางอาญากับกลุ่มอาชญากรที่กระทำความผิด หากสิ่งไหนที่ ปปง. สามารถช่วยเหลือหน่วยงานผู้บังคับใช้กฎหมายได้ ก็ยินดี และจะดำเนินการอย่างเต็มที่ รวมถึงการบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับทรัพย์สินที่มีการโอน หรือแปลงสภาพทรัพย์สิน ซึ่งเข้าข่ายการฟอกเงิน โดย ปปง. จะมีหน้าที่ไปดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการทางคดี โดยจะมุ่งเน้นถึงผลสำเร็จ เร่งรัดทางดคี เพื่อนำทรัพย์สินกลับมาเยียวยาให้กับผู้เสียหาย

Related Posts

Send this to a friend