ผู้ช่วย ผบ.ตร. เผย ส่งตัว ‘เฉอ จื้อ เจียง’ กลับจีน เป็นความร่วมมือระหว่างสองประเทศ ยันทำ ตามกฎหมาย
ผู้ช่วย ผบ.ตร. เผย ส่งตัว ‘เฉอ จื้อ เจียง’ กลับจีน เป็นความร่วมมือระหว่างสองประเทศ ยันทำ ตามกฎหมายทุกประการ บอก เจ้าตัวปฏิเสธไม่เกี่ยวกับสแกมเมอร์ มอง ถือสัญชาติกัมพูชา เพราะไม่ต้องการกลับจีน ขณะ จนท. ชี้ สะท้อนความจริงจังของจีน แก้ปัญหาคอลเซ็นเตอร์
วันนี้ (12 พ.ย. 68) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ภายหลังดำเนินการส่งตัวนายเฉอ จื้อ เจียง กลับจีน ว่า การดำเนินการครั้งนี้ เป็นความร่วมมือร่วมกันระหว่างไทย และจีน ซึ่งทางการจีนมีการขอตัวบุคคลรายนี้ ที่มีความสำคัญสูงสุดของจีนเช่นทางการไทยได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินการจับกลุ่มควบคุม และจนถึงวันนี้สามารถส่งผู้ต้องหาไปดำเนินคดีที่ประเทศจีนได้ นอกจากนี้ ทางการจีนยังให้ความเชื่อมั่นว่าจะยกระดับช่วยกันแก้ปัญหา Scam Center ที่จะมีความร่วมมือกับไทย ยกระดับมาตรฐานในการปราบปรามให้สูงขึ้น และจริงจัง

ส่วนขั้นตอนต่อจากนี้ เป็นขั้นตอนของทางการจีนที่จะคุมตัว และนำตัวไปขึ้นศาลตามกระบวนการยุติธรรมยุติ ส่วนเครือข่ายเพิ่มเติมของนายเฉอนั้น ตัวเขาให้การปฏิเสธว่าไม่รู้เรื่องสแกมเมอร์ แต่จากข้อมูล เขาคือผู้สร้างเมืองชเวก๊กโก่ คาสิโน ทั้งแบบบนดิน และใต้ดิน ในพื้นที่ที่เขาอยู่ก็อยู่ในสแกมเมอร์จำนวนมาก ตัวเขาไม่พูด แต่กระบวนการนี้เป็นกระบวนการของทางการจีนที่จะดำเนินคดีต่อ
พล.ต.ท.จิรภพ ยืนยันว่า เราทำตามขั้นตอนทุกอย่างซึ่งได้รับการประสานมาจากตำรวจจีน ก็ทำการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งผู้ต้องหามีศักยภาพพอสมควร ก็มีการจ้างทนายในการร้องต่อศาล ทั้งศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และศาลรัฐธรรมนูญ ในการต่อสู้ว่าไม่กลับประเทศจีน โดยกระบวนการยุติธรรมของเรา ได้พิจารณาตามระเบียบตามกฎหมาย ซึ่งก็จะส่งตัวผู้ต้องหารายนี้ไปในคดีของทางการจีนตามกฏหมาย
เมื่อถามว่า มีหลักฐานเชื่อมโยงสแกมเมอร์ในเมืองอื่นหรือไม่ พล.ต.ท.จิรภพ ระบุว่า ตอนนี้มีหลักฐานแค่เป็นผู้ที่สร้างเมืองชเวก๊กโก่ และสนิทกับผู้นำในบริเวณนั้น รวมถึงไปการสร้างที่เกาะกง ในประเทศกัมพูชาด้วย รวมถึงยังมีสัญชาติกัมพูชา
พล.ต.ท.จิรภพ เชื่อว่า ขณะนี้สถานการณ์ในเมืองชเวก๊กโก่ดีขึ้นในระดับหนึ่ง แต่ยังไม่ถึงกับหายไป เพราะสแกมเมอร์เหมือนโรคระบาดในพื้นที่นี้ทั้ง 3 ประเทศ และจากข้อมูลที่เราสืบสวน ก็ยังเห็นจุดต่าง ๆ ที่ยังทำงานอยู่ แต่การที่เมียนมาเขาไปกดดันหรือปราบปรามนั้น ก็เป็นสิ่งดี และเราคาดหวังให้ทุกประเทศทำแบบนี้ ถ้าทุกประเทศเข้าร่วมทั้งหมด ก็จะดีมาก และในวันพรุ่งนี้ ตนเองจะไปประชุมที่ประเทศจีน จะพูดคุยกันเรื่องการปราบปรามสแกมเมอร์

ส่วนจากการสืบสวนส่วนมาก จะเป็นคนจีนที่ย้ายถิ่นฐานมาอยู่ทางเมียนมา หรือกัมพูชา ซึ่งทางการประเทศต่าง ๆ มีอำนาจเข้าไปข้างในก็ใช้ความพยายามในการเจรจา และกดดันแต่ต้องหารือเพื่อหาวิธีเข้าไปจัดการเรื่องนี้ในประเทศต่าง ๆ
เมื่อถามว่า ทำไมส่วนใหญ่ถึงต้องถือสัญชาติกัมพูชา ด้วย พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า หลายคนที่เป็นคนไม่ดี ไปขอสัญชาติที่ 2 หรือที่ 3 มีทั้งกัมพูชา และประเทศอื่น ๆ ที่สามารถจ่ายเงินแล้วได้สัญชาติมา ตนเองเชื่อว่าเป็นความคล่องตัว ที่เวลาบินไปไหนสามารถใช้อีกสัญชาติได้ และเมื่อจะถูกส่งกลับ ก็จะพยายามต่อสู้ว่าอยากกลับไปกัมพูชามากกว่าไปจีน
พล.ต.ท.จิรภพ ระบุว่า โดยหลักการจะดูว่าผู้ต้องหากระทำความผิดในไทยหรือไม่ หากทำความผิดในไทยก็ต้องดำเนินคดีในไทยก่อน แต่หลังจากนั้น จะเนรเทศกลับไปประเทศบ้านเกิด นี่คือหลักการปัจจุบันอยู่แล้ว ซึ่งต้องดำเนินคดีฝั่งเราให้เสร็จก่อนซึ่งกรณีนี้ทางการจีน มีหมายจับในประเทศจีน และประสานตำรวจสากลขอออกเป็นหมายแดง และส่งมาให้ทางการไทยช่วยจับกุม ทำเรื่องส่งผู้ร้ายข้ามแดน และผู้ต้องหาใช้สิทธิ์ร้องขอต่อศาลซึ่งใช้เวลาประมาณ 2 ปีศาลจึงมีคำสั่งว่าให้ส่งตัว พร้อมมองว่าทุกอย่างทำตามขั้นตอนหมดแล้ว
ด้านนายจ้าว เหมิ่ง เทา ที่ปรึกษาประจำสถานทูตจีนประจำประเทศไทย ระบุว่า สำหรับโทษของผู้ที่กระทำความผิดเกี่ยวกับสแกมเมอร์นั้น สามารถเปิดดูได้ในข้อมูลจากทางการของจีน จะต้องมีการจำคุกเท่าไหร่ และการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นว่าทางการจีนจริงจังในการตั้งใจปราบปรามคอลเซ็นเตอร์ และเป็นความแน่วแน่ของทางรัฐบาลจีน













