ราชทัณฑ์ เผย พร้อมเฝ้าระวัง ‘ทนายตั้ม‘ เจอคู่กรณี หากแยกแดน
รองโฆษกราชทัณฑ์ เผย ความพร้อม DSI แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม 18 บอส ’ดิไอคอนกรุ๊ป‘ ชี้ สุขภาพกายใจ ยังปกติ พร้อมเฝ้าระวัง ‘ทนายตั้ม‘ เจอคู่กรณี หากแยกแดน
วันนี้ (11 พ.ย. 67) เวลา 09:55 น. ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ รองโฆษกกรมราชทัณฑ์ ให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมของกรมราชทัณฑ์สำหรับกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) จะเข้ามาแจ้งข้อกล่าวหา และสอบปากคำกลุ่มบอสบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ว่า เรือนจำมีการวางแผนบริหารจัดการอยู่แล้ว ซึ่งตอนนี้ก็มีการประชุมกันอยู่ในการเข้ามาแจ้งข้อหาเพิ่มเติม โดยที่ผ่านมาก็มีเจ้าหน้าที่เข้ามาแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับผู้ต้องขังในเรือนจำเป็นประจำอยู่แล้ว ส่วนจะแจ้งพร้อมกันทั้ง 18 คนเลยหรือไม่ ต้องขึ้นอยู่กับที่ประชุม อาจจะแบ่งกันแจ้งคงไม่พร้อมกัน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าสภาพความเป็นอยู่และสภาพจิตใจของ 18 บอสเป็นอย่างไรบ้าง นางกนกวรรณ เปิดเผยว่า สุขภาพกาย สุขภาพใจปกติ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง สำหรับคนที่มีโรคประจำตัวก็ได้รับการดูแลตามมาตรฐานอยู่แล้ว ส่วนที่มีรายงานว่า ‘บอสวิน’ เป็นโรคมะเร็งนั้น ยังไม่ได้รับรายงาน
ส่วนกรณีที่ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้มและภรรยา ที่เข้าเรือนจำมาได้ 2 วันแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับตัว ต้องใช้เวลาซักพักหนึ่ง โดยตอนนี้ยังไม่มีอะไรน่ากังวลใจ ส่วนความเครียดนั้น มีความเครียดไม่มาก และทั้งคู่ไม่ได้ร้องขออะไรเป็นพิเศษ
เมื่อถามว่าหากนายษิทรา พ้นระยะการกักโรคแล้วต้องแยกแดนจะพบคู่กรณีหรือไม่ ทางเรือนจำจะมีมาตรการอย่างไร นางกนกวรรณ ระบุว่า เป็นสิ่งที่ทางเรือนจำเฝ้าระวังอยู่แล้ว ไม่ใช่แค่กรณีของนายษิทราเพียงคนเดียว ทุกเรือนจำคำนึงถึงความปลอดภัย และสิทธิของผู้ต้องขัง ทางเรือนจำจะมีข้อมูล การเฝ้าระวังเป็นรายบุคคลอยู่แล้ว
ส่วนกรณีที่นายษิทรา และกลุ่มบอสจะมีโอกาสเจอกันหรือไม่นั้น ตอนนี้ยังคงไม่เจอ เพราะว่านายษิทราอยู่ระหว่างการกักตัว ซึ่งอยู่คนละแดนกัน
ผู้สื่อข่าวสอบถามเพิ่มเติมว่ากรณีที่นายษิทรามีอาชีพเป็นทนายความจะมีการสร้างอิทธิพลภายในเรือนจำหรือไม่ นางกนกวรรณ ระบุว่า ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องเฝ้าระวังเช่นกัน และการสร้างอิทธิพลในเรือนจำจะต้องไม่มี
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าเครือข่ายของอดีตผู้กำกับโจ้ที่เป็นคู่กรณีกับนายษิทรา ที่อยู่ในหลายเรือนจำ และต้องการจองกฐินนายษิทราจะมีการป้องกันอย่างไรบ้าง นางกนกวรรณ เปิดเผยว่าทางเรือนจำมีการเฝ้าระวัง และมีสายข่าว แต่ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลในประเด็นนี้
ส่วนกรณีเรือนจำมีนบุรีที่มีผู้ต้องขังทำร้ายร่างกายใช้ของปลายแหลมทำร้ายกันจนมีผู้เสียชีวิตนั้น นางกนกวรรณ ระบุว่า โดยปกติแล้วเรือนจำจะมีการตรวจสอบอาวุธ บุคคล และยานพาหนะ เป็นเรื่องที่ต้องมีการตรวจสอบทุกวันอยู่แล้ว และทางเรือนจำก็พยายามอย่างเต็มที่ในการป้องกัน
ส่วนอาวุธปลายแหลมเล็ดลอดเข้ามาในเรือนจำได้อย่างไรนั้น นางกนกวรรณ ระบุว่า ประเด็นนี้ขอให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นก่อน ซึ่งทางเรือนจำก็มีการประชุมในวันนี้ถึงประเด็นดังกล่าวด้วย และทางเรือนจำก็มีข้อจำกัดในเรื่องของความแออัด และจำนวนเจ้าหน้าที่ที่ไม่สัมพันธ์กับตัวผู้ต้องขัง และที่ผ่านมาเรือนจำก็พยายามตรวจสอบอย่างเต็มที่แล้ว
ส่วนรายละเอียดว่าผู้ก่อเหตุ และผู้เสียชีวิตอยู่แดนเดียวกันหรือไม่ นางกนกวรรณ กล่าวว่า แดนที่เกิดเรื่องค่อนข้างใหญ่ และหากมีคู่กรณีอยู่แดนเดียวกัน เรือนจำก็จะแยกกันอยู่แล้ว แต่กรณีนี้เห็นว่าสามารถอยู่ร่วมกันได้มาก่อนหน้านี้แต่รายละเอียดขอให้อยู่ในการตรวจสอบ