CRIME

‘ชูวิทย์’ เตรียมเปิดขบวนการ “อุ้มท้องซื้อพ่อ” แปลงสัญชาติระยะยาว

‘ชูวิทย์’ เผย ‘ตู้ห่าว’ เมินบันได มุ่งใช้ลิฟต์ เข้าหาศูนย์กลางอำนาจที่ชอบสะสมนาฬิกา เหน็บ ‘สันธนะ’ เลื่อนลอย หลังพิงบาร์หรือจะสู้พิงกำแพงเหล็ก แย้มสิ้นปีเปิดขบวนการ “อุ้มท้องซื้อพ่อ” แปลงสัญชาติระยะยาว สะเทือนความมั่นคงประเทศ

วันนี้ (8 ธ.ค. 65) เวลา 11:45 น. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่อาคารรัฐสภา ภายหลังเข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ตามคำร้องขอให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของ นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตข้าราชการตำรวจสันติบาล ว่ามีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มทุนจีนสีเทาในประเทศไทยอย่างไร

นายชูวิทย์ เปิดเผยว่า พล.ต.อ. เสรีพิสุทธ์ เตมียเวส ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธานกรรมาธิการฯ ขอให้เก็บข้อมูลบางอย่างไว้เป็นความลับ จึงเป็นสาเหตุให้ผู้สื่อข่าวออกจากห้องประชุมก่อนกรรมาธิการฯ ซักถามนายชูวิทย์

ผู้สื่อข่าวจึงถามถึงคำชี้แจงของนายชูวิทย์ในห้องกรรมาธิการฯ ที่เกี่ยวข้องกับกระแสข่าวว่านายตู้ห่าวมอบนาฬิกาหรูให้กับบุคคลที่มักสะสมนาฬิกา นายชูวิทย์ ตอบว่า ไม่ขอพูดว่าเป็นใคร แต่จะพูดในเรื่องที่เกี่ยวพันว่า ปกติธรรมเนียมไทยมีสายสัมพันธ์ อิทธิพล และผลประโยชน์อยู่แล้ว นายตู้ห่าวเองอยู่ในวงการมาเฟียและรู้จักกับนายตำรวจใหญ่ คงไม่ใช่อดีตตำรวจ คงต้องเป็นคนที่ยังอยู่ในตำแหน่ง ต้องเป็นคนที่มีอำนาจวาสนา แต่ไม่ขอเอ่ยชื่อหรือพาดพิง

“นายตู้ห่าว ไม่ใช้บันได แต่ขึ้นลิฟต์เข้าสู่ศูนย์กลางอำนาจ โดยธรรมเนียมปฏิบัติ คนจีนเมื่อมาเมืองไทย ก็รู้ธรรมเนียมไทย รู้ว่าจะต้องใกล้ชิดใครรู้ว่าต้องเอาของกำนัลไปให้ใคร แต่จะให้ผมพูดปรกปรำว่าเห็นด้วยตาไหม ก็คงจะตอบไม่ได้ และจะเป็นประเด็นการเมือง”

สำหรับกระแสข่าวว่า ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และอดีตเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ มีความเกี่ยวข้องในทางให้ความช่วยเหลือกลุ่มทุนจีนสีเทาในประเทศไทยนั้น นายชูวิทย์ กล่าวว่า เดิมทีไม่ได้เอ่ยถึง ร้อยเอก ธรรมนัส แม้แต่น้อย แต่นายสันธนะเองต่างหากเริ่มต้นก่อนด้วยซ้ำ การกล่าวถึง ร้อยเอก ธรรมนัส ย่อมต้องมีหลักฐานหรือสิ่งเกี่ยวโยง จึงไม่สามารถพูดได้ว่า ร้อยเอก ธรรมนัส มาเกี่ยวโยง

นายชูวิทย์ ยังกล่าวถึง นายสันธนะ ว่าต้องมาให้ข้อมูลต่อคณะกรรมาธิการฯ ด้วยตามคำร้องขอให้มีการตรวจสอบเส้นทางการเงิน ซึ่งถ้าสื่อมวลชนอยากให้ปะทะ ก็ยินดี ตอนนี้นายสันธนะหลังพิงบ่อนพิงบาร์ แต่นายชูวิทย์หลังพิงกำแพงเหล็ก ไม่มีทางล้ม เป็นมวยคนละชั้น

“การพูดสองแง่สองง่ามเป็นพฤติการณ์ของนายสันธนะเป็นประจำ อย่างผม นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ผมยืนยันว่าสิ่งที่ผมพูดเป็นความจริงทุกประการ และผมรับผิดชอบทุกประการ ผมไม่เคยเป็นโจทก์ ผมเป็นจำเลยมาทั้งชีวิต ครั้งนี้ก็ขอบคุณนายสันธนะที่ให้โอกาสผมเป็นโจทก์ฟ้องนายสันธนะ ผมยืนยันอีกครั้งว่า ไม่มีใครอยู่เบื้องหลังผม”

นายชูวิทย์ ยังกล่าวว่า ประเด็นต่าง ๆ ที่กล่าวเป็นประเด็นที่แหลมคม ที่แต่ละคนจะต้องระมัดระวังในการทำงานให้ดี กระบวนการเหล่านี้ยังไม่จบ และยังไม่จบง่าย ๆ จะนำไปสู่ขั้นตอนของอัยการและผู้พิพากษา ซึ่งนายชูวิทย์จะติดตามด้วยทั้งหมด และนายตู้ห่าวเองก็แลตั้งท่าจะสู้ เพราะมีความล่าช้าของกระบวนการยุติธรรมอยู่ในปัจจุบัน

นอกจากนี้ นายชูวิทย์ ยังเปิดเผยถึงจิ๊กซอว์สำคัญของประเด็นกลุ่มทุนจีนสีเทาที่ต้องติดตามต่อว่า ภายในสิ้นปีนี้ จะเปิดกระบวนการแปลงสัญชาติในระยะยาว ที่ชื่อว่า “อุ้มท้องซื้อพ่อ” ซึ่งทำลายความมั่นคงของประเทศ ปัจจุบันเริ่มต้นแล้วที่จังหวัดเชียงรายและจังหวัดเชียงใหม่ มีหน่วยงานรัฐเข้าไปเกี่ยวข้องแน่นอน อาจด้วยความละเลยหรือเต็มใจรับผลประโยชน์ นี่คือจิ๊กซอว์สำคัญที่ต้องหาคำตอบ

“กระบวนการที่ผมพูดนั้นชัดเจน และมีชื่อ มีหน่วยงาน ผมรับผิดชอบครับ เพราะสิ่งที่ผมพูดเป็นประโยชน์ทั้งสิ้น” นายชูวิทย์ กล่าวทิ้งท้าย

Related Posts

Send this to a friend