CRIME

‘สันธนะ’ หอบหลักฐาน เตรียมร้องสรรพากร สอบการเลี่ยงภาษี ‘ชูวิทย์’

‘สันธนะ’ แฉ อดีต ผบ.ทบ. หนุนหลัง ‘ชูวิทย์’ หอบหลักฐาน เตรียมร้อง สรรพากร สอบการเลี่ยงภาษี ป้อง ‘เจ้าสัวธนินท์’ ปมขายที่ดินให้ต่างชาติ ยกทำประโยชน์ให้ประเทศมากกว่า เผยล่าสุด แจ้งความเอาผิด ‘ชูวิทย์’ ไปแล้ว 9 คดี

วันนี้ (7 ธ.ค. 65) นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาล แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน เกี่ยวกับการจะดำเนินคดี นายชูวิทย์ กมลวิษฏ์ พร้อมพวก รวมทั้งกลุ่มผู้อยู่เบื้องหลังการเปิดโปงกลุ่มทุนจีนสีเทา และการปั่นกระแสเรื่องของการขายชาติ โดยระบุว่า นับตั้งแต่ปี 2543 บัญชีงบดุลของบริษัทของนายชูวิทย์มีภาวะการขาดทุนมาโดยตลอด ซึ่งตนเองตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการตกแต่งบัญชีเพื่อหลบเลี่ยงการจ่ายภาษีหรือไม่ อีกทั้งการปล่อยให้กรรมการบริษัทมากู้ยืมเงินบริษัทประมาณกว่า 400 ล้านบาท ทั้งที่มีภาวะขาดทุนนั้นเป็นไปได้อย่างไร รวมทั้งยังมีการนำโฉนดที่ดินของ 3 บริษัทมาแสดงเพื่อยืนยันว่าบริษัทดังกล่าวเป็นของนายชูวิทย์จริง

นายสันธนะ ระบุว่าต่อว่าจะนำเอกสารทั้งหมดนี้ไปยื่นต่อกรมสรรพากรให้ดำเนินการตรวจสอบบริษัทของนายชูวิทย์ ส่วนวันนี้ยืนยันว่าจะเดินหน้าเอาผิดนายชูวิทย์ แม้ว่าตอนนี้ตนเองจะได้ร้องทุกข์กล่าวโทษนายชูวิทย์ไปแล้วถึง 9 คดี ซึ่งจะรอดูความชัดเจนอีกครั้งในบ่ายวันนี้

เบื้องต้นตั้งข้อสังเกตว่า การที่นายชูวิทย์ไปมอบแบริเออร์ให้กับ สน.ทองหล่อนั้น ตนเองมองว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมทางกฎหมาย เนื่องจากตนเองมีคดีความกับนายชูวิทย์อยู่ที่ดังกล่าว

นอกจากนี้นายสันธนะ ยังได้โชว์ภาพอดีตผู้บัญชาการทหารบก ที่ไปร่วมงานแต่งลูกชายของนายชูวิทย์ พร้อมตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับความใกล้ชิดที่สนิทสนมกัน โดยสันนิษฐานว่าบุคคลในภาพนั้นน่าจะอยู่เบื้องหลังนายชูวิทย์หรือไม่ เนื่องจากกระแสสังคมมีการสร้างวาทะกรรมให้ตนเป็นคนขายชาติ ซึ่งเชื่อว่าเป็นการปฏิบัติการไอโอ

นานสันธนะยังกล่าวถึงกรณีที่นายชูวิทย์ได้แฉไปก่อนหน้านี้ว่าเป็นนายทุนใหญ่ 5 เจ้า ได้ส่งเงินให้กับนายเจ้าเหว่ยเจ้าของคาสิโนคิงโรมันใน สปป.ลาว นายสันธนะกล่าวว่า นายชูวิทย์รู้จริงหรือไม่ เพราะตอนนี้คิงโรมันได้มีนายทุนจากสิงคโปร์เข้าไปเช่ากิจการ และเปลี่ยนเป็นขื่อลูซี่ ซึ่งตามหลักกฎหมายสิงคโปร์แล้วมีโทษรุนแรงหากทำผิดกฎหมายเรื่องยาเสพติด โดยเชื่อว่าไม่มีธุรกิจผิดตัวหรือธุรกิจสีเทาที่เชื่อมโยงกับลูซี่ และได้โชว์ภาพถ่ายตนเองคู่กับสกายนักธุรกิจจากสิงคโปร์ระดับหมื่นล้าน ซึ่งเป็นบุคคลหนึ่งที่ไปเช่ากิจการลูซี่

นายยังกล่าวถึงกรณีที่นายชูวิทย์ โพสต์ข้อความโต้กรณีที่นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ที่แสดงความคิดเห็นกรณีให้ต่างชาติซื้อที่ดินในประเทศไทย โดยระบุว่า คนอื่นมีความตั้งใจที่จะพูดถึงประเทศชาติ แต่พวกคุณกลับไปถล่มเขา คุณคิดว่าสมควรไหม ซึ่งตนเองขอขอบคุณเจ้าสัวที่ออกมาพูด แต่มองว่าเจ้าสัวไม่ควรจะออกมาเปลืองตัวเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะเป้าหมายจริง ๆ ของต้องการจัดการตน และมองว่าเจ้าสัวคงทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติมากกว่าคนเหล่านี้

นายสันธนะ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีการถูกโยงว่ามีพรรคการเมืองคอยหนุนหลัง นายสันธนะ ปฎิเสธว่าไม่มีพรรคการเมืองหนุนหลัง แต่ยอมรับว่าตนเองเป็นสมาชิกของพรรคการเมืองหนึ่ง และได้โชว์รูปภาพสีน้ำมันที่มีลายเซ็นของหัวหน้าพรรคการเมืองคนดังกล่าว พร้อมระบุว่า เป็นภาพที่ภรรยา และลูกสาวอยากได้ จึงได้ให้ไปตนร่วมประมูลรูปกับพรรค ในราคา 777,777.77 บาทและแสดงบัตรสมาชิกแบบตลอดชีพให้สื่อดู

ส่วนกรณีของนอร์ท กองสลากพลัส ได้ออกมาแถลงข่าวเมื่อวานนี้ว่านายสันธนะไม่มีอำนาจใดๆ ในการตรวจสอบบริษัทของตนเองนั้น วันนี้นายสันธนะชี้แจงว่าตนมีอำนาจหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ที่ให้สิทธิพลเมืองในการตรวจสอบความผิดปกติหรือความไม่ชอบมาพากลได้ และพร้อมโชว์เอกสารทางการเงินของบริษัท กองสลากพลัส โดยระบุว่าเป็นการดาวน์โหลดมาจากเว็บไซต์กรมธุรกิจการค้าภายใน โดยฝากบอกว่าอย่ามัวแต่เล่นติ๊กต่อก ให้รู้จักอ่านข้อมูลทางกฎหมายด้วย และท้าให้นอร์ทนำเงิน 200 ล้านบาทมาวางเป็นกองกลาง และไปออกรายการทีวีร่วมกัน หากคนนำเอกสารด้านการเงินของบริษัทมาได้ให้มอบเงิน 200 ล้านบาทให้ตน

อย่างไรก็ตาม นายสันธนะได้ระบุว่า มีการแจ้งความเอาผิดนายชูวิทย์ และพวกทั้งหมด 9 คดี

คดีแรกเริ่มตั้งแต่วันที่ 5 พ.ย.ในข้อหาโรงแรมเดอะ เดวิส มั่วสุมยาเสพติดและเปิดสถานบันเทิงเกินเวลาที่กำหนด พื้นที่ สน.ทองหล่อ

วันที่ 8 พ.ย.ที่นายชูวิทย์ออกมาแถลงข่าวและชี้สุนัขพร้อมเรียกชื่อตน แจ้งความข้อหาดูหมิ่นโดยการโฆษณาและหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา พื้นที่ สน.ทองหล่อ

วันที่ 7 พ.ย.พื้นที่ สน.ลุมพินี ข้อหาพูดพาดพิงให้เสียหายและดูหมิ่นด้วยการโฆษณา กรณี นายทอม เครือโสภณ พูดถึงนายชูวิาย์และมีการพาดพิงมาถึงนายสันธนะในช่องยูทูปของตนเอง วันที่ 6 พ.ย.

วันที่ 9 พ.ย. แจ้งความ 3 กรรม ในพื้นที่ สน.ทองหล่อ ได้แก่ เอาผิดในข้อหาดูหมิ่นซึ่งหน้าโดยการโฆษณา กรณีเผชิญหน้า มีปากเสียงกัน และนายชูวิทย์ท้าชกต่อยที่หน้า สน.ทองหล่อ, กรรมที่ 2 กรณีนายชูวิทย์โทรศัพท์หา พล.ต.อ.เสรีพิสุทธิ์ ให้สัมภาษณ์ในรายการหนึ่ง พาดพิงถึงตนโดยใช้คำว่า “สันขวาน”

กรรมที่ 3 กรณีนายชูวิทย์โพสต์พาดพิงว่าตนเองมีส่วนเกี่ยวข้องในการเรียกเก็บเงินค่าที่จอดรถตลาดใหม่ดอนเมือง ในข้อหาหมอ่นประมาท พื้นที่ สน.ทองหล่อ

ส่วนคดีที่ 7 วันที่ 3 ธ.ค.พื้นที่ สน.ลุมพินี ซึ่งตนมาดูคลิปย้อนหลังเมื่อครั้งเผชิญหน้ากับนายชูวิทย์ที่รัฐสภา จึงมาแจ้งความในข้อหาดูหมิ่นด้วยการโฆษณา

ต่อมาวันที่ 6 ธ.ค. ตนไปร้องเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กรณีที่นายชูวิทย์เข้าไปก่อความวุ่นวายและบุกรุกเขตหวงห้ามบริเวณรัฐสภา และในวันเดียวกันได้ไปร้อง ปปง.กรณีที่นายชูวิทย์เอาข้อมูลธุรกรรมการเงินของนายตู้ห่าวไปให พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ซึ่งตนมองว่าหลักฐานนี้เป็นข้อมูลลับ และไม่ใช่หน้าที่ของนายชูวิทย์

Related Posts

Send this to a friend