CRIME

ผบ.ตร. เผยชันสูตรผู้ก่อเหตุไม่พบสารเสพติด ไม่พบหลักฐานมีอาการทางจิต

ผบ.ตร. เผยชันสูตรผู้ก่อเหตุไม่พบสารเสพติด ไม่พบหลักฐานมีอาการทางจิต คาดเครียดสะสม-ทะเลาะภรรยา จึงคลุ้มคลั่งก่อเหตุ โดยใช้ปืนจากสวัสดิการตำรวจ มีใบอนุญาตเป็นของส่วนตัว

วันนี้ (7 ต.ค. 65) พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่องค์การบริหารส่วนตำบลอุทัยสวรรค์ อำเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลำภู ระหว่างติดตามเหตุคนร้ายก่อเหตุความรุนแรงที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เมื่อวานนี้ (6 ต.ค. 65)

พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กล่าวถึงผลการชันสูตรศพผู้ก่อเหตุว่า กลุ่มงานนิติเวช โรงพยาบาลอุดรธานี รายงานว่าไม่พบสารเสพติดในตัวผู้ก่อเหตุ แปลว่าผู้ก่อเหตุไม่มีการใช้สารเสพติดในรอบ 72 ชั่วโมงที่ผ่านมา เมื่อแพทย์ยืนยันก็ให้เป็นไปตามหลักฐานทางการแพทย์ อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจต้องการให้ตรวจซ้ำเพื่อยืนยันให้ชัดเจน

“คดีฆ่ายังเหมือนเดิม สำนวนชันสูตรยังเหมือนเดิม เพียงแต่เราดูไว้มาเป็นบทเรียนในคราวต่อไปว่าสาเหตุเกิดจากอะไรบ้าง”

พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ ยังเปิดเผยถึงประเด็นเหตุจูงใจจากผลการสืบสวนสอบสวนเบื้องต้น พบว่า เมื่อเวลา 04:00 น. ของวันที่ 6 ต.ค. 65 ผู้ก่อเหตุได้ทะเลาะเบาะแว้งกับภรรยา ภรรยาจึงโทรศัพท์ขอให้มารดามารับ ทางตำรวจจึงสันนิษฐานว่าอาจเกิดจากความคิดว่าภรรยาจะไม่อยู่ด้วยแล้ว จึงอาจเป็นภาวะความเครียดสะสมและขาดรายได้จากการตกงาน โดยยังไม่มีหลักฐานว่ามีอาการทางจิต เนื่องจากเมื่อคราวไปศาลก็ยังไม่มีอะไรผิดปกติ และมีการพูดคุยบุคคลในกระบวนการศาลก็เป็นไปได้ด้วยดี เนื่องจากมีการเจรจาให้มีการบรรเทาโทษเนื่องจากระหว่างจับกุมพบยาบ้าเพียงเม็ดเดียว

สำหรับการตรวจพิสูจน์หลักฐานภายในบ้าน พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ เปิดเผยว่า ยังดูไม่ได้ละเอียดถึง 100% เนื่องจากที่ผ่านมาทำงานกันหลายด้าน แต่จากการสืบสวนสอบสวนในเบื้องต้นพบว่า เมื่อผู้ก่อเหตุเข้ามาในบ้านแล้วไม่พบภรรยาและลูก จึงอาจเกิดความคลุ้มคลั่ง ขับรถชนบุคคลทั่วไป พร้อมกับยิงปืน 3 ศพ ก่อนจะใช้อาวุธมีดในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ซึ่งคาดว่าเกิดจากไม่พบภรรยาและลูกที่บ้านจึงอาจคาดการณ์ว่ามาอยู่ที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก

ส่วนอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ ชี้แจงว่า ผู้ก่อเหตุซื้อมาถูกต้อง คาดว่าผ่านโครงการสวัสดิการตำรวจ ซึ่งแม้จะถูกไล่ออกจากราชการ แต่ถือว่ามีใบอนุญาตใช้เป็นของส่วนตัวไปแล้ว จากนี้จึงคงมีการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมทบทวนกระบวนการมีและใช้อาวุธปืนในประเทศ

พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ เปิดเผยข้อมูลในคราวผู้ก่อเหตุเข้ารับราชการตำรวจเมื่อปี 2555 ซึ่งมีการตรวจร่างกายหลังสอบข้อเขียนได้ ยืนยันว่าไม่พบสารเสพติด ทว่า ต่อมามีรายงานจากตำรวจในพื้นที่และมารดาของผู้ก่อเหตุก็มีพฤติการณ์เสพสารเสพติด และมีอาการก้าวร้าว ระหว่างปฏิบัติราชการอยู่ที่สถานีตำรวจภูธร (สภ.) นาวัง

พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ ยืนยันถึงการไล่ข้าราชการตำรวจออกจากราชการว่า การจะเอาตำรวจออกสักคน ไม่ใช่เรื่องกลั่นแกล้ง เป็นเรื่องที่ผู้บังคับบัญชาต้องตัดสินใจตรงไปตรงมา ถ้าไม่ผิดจริงก็ออกไม่ได้ หลังจากมีการจับกุมดำเนินคดีเรื่องครอบครองยาบ้าก็ให้ออกไว้ก่อน แต่ไม่ใช่ออกร้อยเปอร์เซ็นต์ จนกระทั่งมีการสอบสวนวินัยร้ายแรง พบว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติดจริง จึงให้ออกจากราชการในช่วงกลางปีที่ผ่านมา

สำหรับร่างของผู้ก่อเหตุ พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ เปิดเผยว่า คาดว่าอยู่ระหว่างกระบวนการระงับศพไว้ในกลุ่มงานนิติเวชเพื่อตรวจ และรอผลตรวจออกมา ขณะนี้จึงยังไม่สามารถออกมาประกอบพิธีได้ เนื่องจากทั้ง 3 วัดคงไม่อยากรับ อาจให้มารดาผู้ก่อเหตุรับไปนอกเขต 3 วัดนี้

พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ ยืนยันถึงนโยบายด้านยาเสพติด ซึ่งให้ไว้ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง ผบ.ตร. เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 65 ว่า เรื่องยาเสพติดเป็นปัญหาเร่งด่วน เพราะทราบว่ามีเหตุคลุ้มคลั่งออกสื่อเยอะ ตำรวจจึงต้องทำทุกมิติ นอกจากงานปราบปรามที่เราเป็นหลัก ก็จะมีงานบำบัดและงานป้องกันที่ตำรวจต้องไปช่วยร่วมกับหลายฝ่ายหลายหน่วยงาน นอกจากนี้ ยังมีนโยบายที่ให้ไว้ สำหรับผู้กำกับการต้องเข้าเยี่ยมชุมชนสัปดาห์ละ 1 ครั้ง และผู้บังคับการต้องไปสุ่มตรวจอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง ตลอดจนเฝ้าระวังกลุ่มสีแดงที่เป็นผู้ป่วยอาจจะขาดยาจนคลุ้มคลั่งได้

“เราพยายามหาข้อเท็จจริงมาได้มากที่สุดในระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งวัน แต่วันนี้จะมีการเยียวยาโดยฝ่ายต่าง ๆ ทางตำรวจมีการเตรียมเงินส่วนหนึ่งประมาณ 3 แสนบาท และทางผู้บังคับบัญชาของตำรวจมีการพูดคุยว่า ในฐานะที่ผู้ก่อเหตุเป็นอดีตข้าราชการตำรวจ เราจึงจะเปิดบัญชีของ ตร. ไว้ ใครอยากร่วมบริจาค แสดงน้ำใจ เยียวยาครอบครัวเหยื่อ ก็จะมอบมาให้อีกที”

Related Posts

Send this to a friend