‘ชูวิทย์’ ลั่น “ไม่มีคำโกหกใดสมบูรณ์แบบ” ขอเพื่อนแตงโมเผชิญหน้าความจริง หยุดเบี่ยงความผิด
‘ชูวิทย์’ ลั่น “No Perfect Lie – ไม่มีคำโกหกใดสมบูรณ์แบบ” ขอเพื่อนแตงโมเผชิญหน้าความจริง หยุดเบี่ยงความผิด แง้มชื่อ นักการเมือง ช. ให้คำแนะนำพยาน ประเด็นแตงโมตกเรือ ยังเชื่อทั้งหมดคืออุบัติเหตุ
วันนี้ (7 มี.ค. 65) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ แถลงเกี่ยวกับคดีที่ แตงโม-นิดา พลัดตกแม่น้ำเจ้าพระยา เสียชีวิต ว่า ส่วนตัวอยากให้บุคคลทั้ง 5 คน ที่อยู่บนเรือร่วมกับแตงโม ออกมาพูดความจริงเพราะขณะนี้จากข้อมูลที่ตนเองทราบ มีการโกหกขึ้นโดยจุดประสงค์เพื่อเบี่ยงเบนความผิดที่เกิดขึ้น เพราะหากมีการโกหกตั้งแต่ขั้นตอนแรกจะต้องโกหกให้ทุกขั้นตอนหรือโกหกต่อไปเรื่อยเรื่อย ซึ่งในคดีนี้มีบุคคลที่เกี่ยวข้องมากกว่าหนึ่งคน อาจทำให้การโกหกเป็นไปด้วยความลำบาก
ทั้งนี้จากข้อมูลตนเองทราบว่า กลุ่มคนที่อยู่บนเรือทั้ง 5 คน หลังเกิดเหตุได้มีการโทรประสานไปยังนักการเมืองคนหนึ่งที่มีอักษรย่อ ช. เพื่อขอความช่วยเหลือรวมถึงคำแนะนำ จนต่อมากลายเป็นการให้ทุกคนที่อยู่บนเรือให้การไปในทิศทางเดียวกัน ว่าดาราสาวออกไปทำธุระส่วนตัวที่ท้ายเรือ ก่อนเสียหลักตกน้ำไปเสียชีวิต ซึ่งตนเองมองว่าเป็นการกระทำที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นจริง เพราะผู้หญิงควรจะต้องอายกับการกระทำดังกล่าว ที่จะเกิดขึ้นบนเรือที่ไม่ได้มีขนาดใหญ่ และเรือล่องอยู่ในแม่น้ำเจ้าพระยาที่สามารถจอดเทียบถ้าตามสถานที่ต่างๆได้อย่างง่ายดายเช่นร้านอาหาร บ้านคน หรือวัด
ซึ่งหนึ่งในห้าที่อยู่บนเรือตนเองรู้จักเมื่อ 10 ปีก่อน ขณะนั้นที่นายปอยังเปิดเต็นท์รถมือสองขายรถญี่ปุ่นอยู่ที่ย่านพัฒนาการ ก่อนที่ต่อมาจะรู้จักกับวงการเล่นรถหรูอักษรย่อ ผ. และมีการแนะนำกันต่อๆมาจนมารู้จักกับนักการเมืองอักษรย่อ ช. คนนี้ ที่มีลักษณะนิสัยชอบเล่นรถหรูขับรถหรูไปสภาบ่อยครั้ง
ส่วนตัวมองว่าคดีนี้ประชาชนและสื่อมวลชนจะได้รับการแถลงข้อมูลคดีในอีก 1-2 วันต่อจากนี้ ซึ่งทิศทางที่คาดว่าจะมีการแถลงต่อสื่อมวลชนและประชาชน ก็คืออุบัติเหตุ ซึ่งตนเองยืนยันว่าหากทั้ง 5 คนที่อยู่บนเรือมีการให้ข้อมูลอย่างตรงไปตรงมาในคดีลักษณะแบบนี้ไม่จำเป็นต้องมีทนายความ อย่างเช่นคดีเสี่ยเบนซ์ก็จบลงด้วยดี ไม่ยืดเยื้อ เพียงแต่ตอนนี้เกิดการโกหกร่วมกัน ทำให้มีการเบี่ยง ประเด็นของการเกิดอุบัติเหตุ เพื่อปกปิดความผิดบางอย่าง ยกตัวอย่างเช่นเรื่องขวดไวน์ที่มีการเจอเพียงขวดเดียว ตนเองยืนยันจากประสบการณ์ว่าขวดไวน์หนึ่งขวดสามารถรินได้มากสุด 7 แก้ว ซึ่งคนบนเรือมีอยู่กันหกคนเป็นไปไม่ได้ที่จะมีเพียงขวดเดียว ซึ่งประเด็นเรื่องเมาแล้วขับเรือ อาจเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ผู้กระทำผิดต้องการเบี่ยงเบนประเด็น
ขณะเดียวกัน นายชูวิทย์ยังมีการวาด วงล้อวัฏจักร ของกลุ่มไฮโซ คือมีรถหรู เรือเร็ว เหล้าไวน์ ยา นักการเมือง โดยนายชูวิทย์ระบุว่าทั้งหมดทั้งมวลเกี่ยวข้องกับวัฏจักรนี้ อีกทั้งตนเองยังทราบว่าหนึ่งในผู้ที่อยู่บนเรือมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยา ซึ่งตนเองตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับการที่มีการหายไปสองวันก่อนจะเข้าพบตำรวจ ซึ่งการหายตัวไปลักษณะแบบนี้ตนเองมองได้เพียงว่า เป็นการจงใจปกปิดการตรวจสอบบางอย่างหรือไม่ ซึ่งส่วนนี้เชื่อว่าตำรวจต้องมีการตรวจสอบ แต่จะสามารถตรวจสอบเจอหรือไม่อันนี้ตนเองไม่สามารถตอบได้
พร้อมกันนี้นายชูวิทย์ยังฝากถึงนักสืบโซเชียล ต่างๆว่าอย่าหยิบยกประเด็นที่อาจทำให้ตัวผู้เสียชีวิตเสื่อมเสียมาพูด อาทิเด็กเอ็นท์ หรือประเด็นที่มีการล่องเรือเพื่อเตรียมพาไปพบผู้ใหญ่ที่มีการนอนรออยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งตนเองพูดจากประสบการณ์ที่ผ่านมาว่าไม่มีผู้ใหญ่คนไหนจะมารอเด็กแบบนี้เพราะเรื่องแบบนี้หากเกิดขึ้นจริงจะมีการทำกันเงียบเงียบและรวดเร็ว ไม่มีการรอเพราะอาจเสี่ยงต่อการถูกพบเห็นจากผู้อื่น รวมถึงเรื่องแบบนี้ทั้งสองฝ่ายต้องเกิดจากความสมัครใจไม่ใช่การบังคับเพราะจะมีปัญหาตามหลังมาได้
ส่วนประเด็นที่มี การพูดถึงว่ามีนายตำรวจ ระดับพล ตำรวจตรีออกมาขายข้อมูลให้กับทางผู้ก่อเหตุ ตนเองไม่เชื่อว่ามีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น เนื่องจากเหตุการณ์ที่เป็นที่สนใจของประชาชนลักษณะแบบนี้ มีสื่อเกาะติดและนำเสนอเรื่องราวอยู่ทุกวัน ตำรวจไม่มีใครอยากเอาตัวเองมาเสี่ยงกับเรื่องแบบนี้อยู่แล้วทุกคนต้องระวังตัว
ส่วนประเด็นที่แม่ของดาราสาวออกมาพูดเกี่ยวกับเรื่องเงินเยียวยา ตนเองมองว่าเป็น สิทธิ์ที่คุณแม่สามารถทำได้ ส่วนจะมีใครเป็นคนอธิบายหรือแนะนำคุณแม่หรือไม่ ตนเองตอบได้เพียงว่าเป็นตนเองก็จะแนะนำแบบนี้ เพราะเป็นสิทธิ์ที่สามารถทำได้ตามกฏหมายและที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงการออกมาพูดในช่วงนี้ตนเองมองว่าเพราะเป็นข่าวที่กระแสสังคมยังให้ความสนใจ หากทิ้งไว้และมาพูดให้ทีหลังอาจไปรับความสนใจจากสื่อหรือประชาชน และสุดท้ายเรื่องก็จะเงียบลงไม่มีใครสนใจ
นายชูวิทย์ยังระบุอีกว่า หากกลุ่มคนในเรือทั้งห้ามาปรึกษาตนเองตั้งแต่แรกตนเองก็จะให้คำแนะนำเพียงว่าพูดความจริงทั้งหมดโดยไม่ต้องปกปิดหรือเบี่ยงประเด็นไปประเด็นอื่น เพราะคดีแบบนี้สามารถจบลงได้โดยดีไม่จำเป็นต้องมีการปรึกษาทนาย เพราะการปรึกษาทนายอาจมาจากสาเหตุของการต้องการปกปิดและต่อสู้คดี ทั้งนี้ยังยืนยันอีกว่าตนเองเป็นคนตรงไปตรงมาไม่ได้ต้องการอยากดังเพราะเป็นคนที่มีชื่อเสียงอยู่แล้วจึงไม่จำเป็นต้องออกมาเปิดโรงน้ำแข็งหรือการให้ข่าวแบบปั่นน้ำเป็นตัวแบบที่หลายหลายคนกำลังทำอยู่ตอนนี้ พร้อมขอสื่ออย่าตกเป็นเครื่องมือของบุคคลที่จงใจปล่อยข่าวลือต่างๆเพื่อเบี่ยงประเด็นหรือใช้สื่อเป็นเครื่องมือในการโยงไปหาบุคคลอื่นเพื่อทำลายชื่อเสียง
“… No Perfect Lie – ไม่มีคำโกหกที่สมบูรณ์แบบ และเมื่อเริ่มโกหกในชั้นตำรวจ ต้องโกหกต่อไปถึงชั้นอัยการ ศาล คุณอย่าคิดว่าจะไม่มีใครฉลาดกว่า ผมพูดวันนี้เพราะอยากเห็นการพูดความจริง…” ชูวิทย์ กล่าว