‘ปวีณา’ พร้อม เหยื่อหญิงไทย 4 คน เข้าให้ข้อมูลกับจเรตำรวจฯ ปมถูกหลอกไปอุ้มบุญ

‘ปวีณา’ พร้อม เหยื่อหญิงไทย 4 คน เข้าให้ข้อมูลกับจเรตำรวจแห่งชาติ ปมถูกหลอกไปอุ้มบุญ เตือนคนไทยอย่าหลงเชื่อ หากตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์แล้วจะไม่มีโอกาสกลับบ้าน
วันนี้ (7 ก.พ. 68) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้พา 4 หญิงไทยที่มูลนิธิปวีณาฯ ประสาน พล.ต.ต.สุระพันธุ์ ไทยประเสริฐ ผบก. กองการต่างประเทศ และทีมงานตำรวจสากลไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ช่วยประสานตำรวจสากลจอร์เจีย ช่วยเหลือหญิงสาวทั้ง 4 คน กลับมาจากประเทศจอร์เจีย และเข้าพบ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (จตช./ผอ.ศตคม.ตร./ผอ.สปอส.ตร. เพื่อให้ข้อมูลการถูกหลอกไปอุ้มบุญ ขายไข่สืบพันธุ์ ที่ประเทศจอร์เจีย
นางปวีณา เปิดเผยว่า ได้ประสานตำรวจสากลไทย ให้ขอความช่วยเหลือตำรวจสากลจอร์เจีย ช่วย 4 สาวไทย พ้นนรกจีนเทาค้ามนุษย์รีดไข่จากประเทศจอร์เจียส่งขายประเทศที่ 3 พวกธุรกิจค้ามนุษย์ตอนนี้พัฒนาไปถึงขั้นหลอกเหยื่อผู้หญิงจากหลายประเทศ พาไปฉีดยาเร่งไข่สืบพันธุ์ก่อนวางยาสลบรีดไข่ขาย ซึ่ง 4 สาวไทย ที่ตกเป็นเหยื่อทนไม่ไหว ถูกกระทำราวกับไม่ใช่คนจึงร้องมูลนิธิปวีณาฯ ช่วยพ้นขุมนรก
นางปวีณา กล่าวว่า ได้ประสานขอความช่วยเหลือไปยังพล.ต.ต.สุระพันธุ์ ไทยประเสริฐ ผบก. กองการต่างประเทศ และตำรวจสากลไทยประสานตำรวจสากลจอร์เจีย นำกำลังตำรวจสากลร่วม 30 นาย เข้าช่วยเหยื่อหญิงไทย 4 คน ออกมาจากบ้านของจีนเทาในประเทศจอร์เจีย ที่ทำธุรกิจค้ามนุษย์ขายไข่สืบพันธ์ุ ส่งไปยังประเทศที่ 3 เพื่อทำเป็นเด็กหลอดแก้วนำไปขาย โชคดีที่ตำรวจสามารถพาตัวเหยื่อออกมาได้ และนำส่งไปยังบ้านพักพิงชั่วคราวที่ประเทศจอร์เจีย จากนั้นมูลนิธิปวีณาฯ ได้ส่งตั๋วเครื่องบินพาเหยื่อเดินทางกลับประเทศไทยมาได้เมื่อวันที่ 30 ม.ค.68 ที่ผ่านมา
หนึ่งในตัวแทนเหยื่อ กล่าวว่าด้วยความยากจนจึงหางานในเฟซบุ๊ก และถูกชักชวนให้ไปอุ้มบุญที่ประเทศจอร์เจีย อ้างว่าเป็นงานถูกกฎหมายมีรายได้ 4-6 แสนบาท จึงตัดสินใจเดินทางไป เมื่อไปถึงบ้านพักถูกกักบริเวณ ยึดพลาสปอร์ต มีหญิงไทยร่วมชะตากรรมในบ้านพักอีก 4 หลัง หลังละ 60 คน ที่จะต้องขายไข่สืบพันธุ์ให้กับคนจีนเทาที่ควบคุมอยู่ในบ้าน โดยทุกคนต้องถูกฉีดยาให้ร่างกายแข็งแรง บางคนไม่สามารถผลิตไข่ให้แข็งแรงได้ก็ต้องรออยู่เป็น 7-8 เดือนไปเรื่อย ๆ หากหญิงคนใดแข็งแรงสามารถขายไข่สืบพันธุ์ได้ก็จะนำไปวางยาสลบใช้เครื่องมือสอดช่องคลอดเพื่อรีดไข่แล้วรวบรวมนำไปส่งยังประเทศที่ 3 เพื่อทำเป็นเด็กหลอดแก้วโดยไม่รู้ชะตากรรมของทารกเหล่านั้นที่ตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์โหดเหี้ยมทารุณ
พล.ต.อ. ธัชชัย ระบุว่า หลังจากทราบรายละเอียดที่เหยื่อได้เล่าให้ฟังแล้ว ตนเองคิดว่าสิ่งที่เรายังเห็นข้อมูลไม่ชัดเจนก็คือไข่เมื่อได้ไปแล้วจะถูกนำไปไหนต่อเอาไปขายหรือเอาไปดำเนินการอย่างไรตรงนี้ยังได้ข้อมูลไม่ชัดเจน ด้าน ผบก. กองการต่างประเทศ ตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างการประสานกับตำรวจจอร์เจียในการขอข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ส่วนในเรื่องของคดีตอนนี้ตนเองได้มอบหมายให้กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ เป็นผู้ดำเนินการสืบสวนขยายผลในเรื่องนี้
พล.ต.อ.ธัชชัย ย้ำว่า สิ่งแรกที่เราควรจะต้องดูคือเรื่องของกระบวนการว่ามีใครเกี่ยวข้องบ้างในการดำเนินการต่าง ๆ เหล่านี้ ซึ่งในประเทศจอร์เจียการอุ้มบุญนั้นถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนกรณีที่เหยื่อถูกบังคับต่างๆ ในการนำไข่ไปขาย ตรงนี้ต้องมีการสอบสวนปากคำเพิ่มเติม และพยานเบื้องต้นก่อนตอนนี้ยังให้คำตอบไม่ได้ว่าเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์หรือไม่หรือเป็นความผิดข้อหาใด เนื่องจากข้อมูลยังไม่เพียงพอ ต้องขอสอบสวนปากคำเพิ่มเติมจึงจะได้ข้อสรุปว่าเป็นความผิดข้อหาใด
“เตือนภัยคนไทยทุกคนอย่าหลงเชื่อ หากเป็นเหยื่อค้ามนุษย์แล้วคุณอาจจะไม่มีโอกาสกลับบ้าน วอนให้รัฐบาลเตือนภัย และให้ประสานรัฐบาลจีนเข้ามาตรวจสอบเส้นทางการค้ามนุษย์ส่งไข่สืบพันธุ์ไปประเทศที่ 3 เพื่อการขายเป็นการพาณิชย์” ปวีณา กล่าว
อย่างไรก็ตาม นางปวีณา ขอขอบคุณ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ให้ความสำคัญกับกรณีนี้ และได้มอบหมาย พล.ต.อ.ธัชชัย ให้มีการสอบสวนขยายผลเพื่อดำเนินการตามกฎหมายกับคนไทยที่ร่วมขบวนการกับจีนเทาที่กระทำความผิด โดยมูลนิธิปวีณาฯ จะติดตามการดำเนินงานเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดต่อไป