CRIME

ศาล สั่งจำคุก 4 เดือน ‘สันธนะ’ ไม่รอลงอาญา ปมหมิ่น ‘ผู้การแต้ม’ กล่าวหาเป็นเจ้าของบ่อน

ศาลอาญามีนบุรี สั่งจำคุก 4 เดือน ‘สันธนะ’ ไม่รอลงอาญา ปมหมิ่น ‘ผู้การแต้ม’ กล่าวหาเป็นเจ้าของบ่อนย่านคลอง 9 หนองจอก ศาลให้ประกันระหว่างอุทธรณ์

วันนี้ (6 ก.พ. 67) ที่ศาลอาญามีนบุรี ถ.สีหบุรานุกิจ ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมิ่นประมาท ที่พนักงานอัยการคดีอาญามีนบุรี และ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ หรือผู้การแต้ม อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตนายตำรวจสันติบาล เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นพร้อมเรียกค่าเสียหาย

โจทก์ฟ้องและแก้ไขฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2564 จำเลยใส่ความ พล.ต.ต.วิชัย ผู้เสียหาย โจทก์ร่วมต่อนายวันชัย คชารักษ์ บุคคลที่สาม โดยส่งภาพถ่ายหนังสือร้องเรียนที่จำเลยเป็นผู้จัดทำขึ้น เพื่อยื่นร้องเรียนต่อ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ตามหนังสือฉบับลงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2564

จำเลยส่งภาพถ่ายหนังสือฉบับดังกล่าวให้นายวันชัยตรวจสอบข้อเท็จจริง ทราบว่าบ่อนดังกล่าวเปิดเล่นการพนันประเภทถั่วแย่งและไฮโลตีแต้มตั้งอยู่บ้านไม่มีเลขที่ ถนนคลองเก้า แขวงคลองสิบ เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร เป็นบ่อนอิทธิพลรายใหญ่ มีลูกค้าวันละหลายร้อยคน บ่อนแห่งนี้มีอดีตนายพลตํารวจตรีชื่อว่า “แต้ม” แสดงตัวเป็นเจ้าของบ่อน มี “นายตู่ ปะแป้ง” เป็นผู้เช่าสถานที่และเจ้ามือรับกินรับใช้ เนื่องจากนายตู่ ปะแป้งแอบอ้างว่าได้จ่ายผลประโยชน์รายเดือนผ่านอดีตนายพลตํารวจตรีชื่อ “แต้ม” เพื่อมอบให้ผู้บังคับการตํารวจนครบาล 3 และ ผกก.สน.ลำหิน นับยอดหลายล้านบาทต่อเดือน เพื่อละเว้นการจับกุมปราบปราม “บ่อนคลอง 9”

ทั้งนี้ ข้อความว่าอดีตนายพลตํารวจตรีชื่อว่า “แต้ม” หมายถึงผู้เสียหายซึ่งเป็นอดีตข้าราชการตํารวจยศพลตำรวจตรี มีชื่อเล่นว่า “แต้ม” และประชาชนรวมถึงสื่อมวลชนทั่วไปรู้จักผู้เสียหายในนาม “ผู้การแต้ม” หรือ “รองแต้ม” จึงมีลักษณะเป็นการใส่ความโจทก์ร่วมว่าเป็นเจ้าของบ่อนการพนันรายใหญ่คลอง 9 มีพฤติกรรมฝ่าฝืนไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย และติดสินบนเจ้าพนักงาน โดยประการที่น่าจะทําให้ผู้เสียหายเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น และถูกเกลียดชัง เหตุเกิดที่แขวงคันนายาว เขตหนองจอก กรุงเทพ ฯ และที่อื่นเกี่ยวพันกัน

จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานที่นำสืบหักล้างแล้วเห็นว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง พิพากษาว่าจําเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 จําคุก 6 เดือน จําเลยนําสืบรับว่าเป็นผู้ทําหนังสือร้องเรียนและส่งข้อมูลให้แก่บุคคลที่สามตามฟ้องจริง เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจําคุก 4 เดือน

พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคตีแล้วยังไม่สมควรรอการลงโทษให้แก่จําเลย ส่วนที่โจทก์ขอให้นับโทษจําเลยต่อจากโทษของจําเลย ในคดีอาญาหมายเลขดําที่ อ 973/2556 ของศาลอาญาเนื่องจากในคดีดังกล่าวศาลลงโทษปรับจําเลย จึงไม่อาจนับโทษต่อได้ ให้ยกคําขอส่วนนี้ให้จําเลยชําระเงิน 150,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 5 ต่อปี ของเงินต้นดังกล่าว นับแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2564 ซึ่งเป็นวันที่ละเมิดเป็นต้นไปจนกว่าจะชําระเสร็จแก่โจทก์ร่วม

กรณีปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยโดยพระราชกฤษฎีกาเมื่อใด ก็ให้ใช้อัตราใหม่บวกด้วยอัตราเพิ่มร้อยละ 2 ต่อปี นับแต่วันพระราชกฤษฎีกานั้นบังคับใช้ แต่ต้องไม่เกินร้อยละ 5 ต่อปีตามคําขอให้จําเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ร่วม โดยกําหนดค่าทนายความ 10,000 บาท คำขออื่นอกจากนี้ให้ยก

ภายหลังฟังคำพิพากษา นายสันธนะยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพยเป็นเงินสด 15,000 บาท ขอปล่อยชั่วคราวชั้นอุทธรณ์คดี ซึ่งศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยชั่วคราวนายสันธนะระหว่างอุทธรณ์คดี โดยตีราคาประกัน 15,000 บาท

Related Posts

Send this to a friend