ตำรวจแถลงผลการกวาดล้างยาเสพติด 13 เครือข่าย ยึดยาบ้ารวมกว่า 17.2 ล้านเม็ด ไอซ์ 1,320 กก. เคตามีน 90 กก.

พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภศัย ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ร่วมกันแถลงผลการกวาดล้างเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่และรายย่อยจำนวน 13 เครือข่ายในห้วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 26 คน ยึดยาบ้า 17,200,000 เม็ด ไอซ์ 1,320 กิโลกรัม และเคตามีน 90 กิโลกรัม
สำหรับ 13 เครือข่ายยาเสพติดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปส.จับกุมได้ ส่วนใหญ่เป็นยาเสพติดเครือข่ายพื้นที่ภาคเหนือที่มีต้นทางลำเลียงมาจากประเทศเพื่อนบ้านตามแนวชายแดน แล้วส่งกระจายไปยังทั่วภูมิภาคของประเทศ กับเครือข่ายยาเสพติดที่ลักลอบขนข้ามแม่น้ำโขงแถบพื้นที่ภาคอีสาน นอกจากนี้มีบางคดีที่เป็นเครือข่ายยาเสพติดจากต่างประเทศใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านและที่พักยาเสพติดก่อนส่งกระจายไปยังประเทศที่สาม
พล.ต.อ.ชินภัทร เปิดเผยว่า ขณะนี้ตำรวจ ปส. และทุกหน่วยงานร่วมกันสกัดกั้นยาเสพติดที่นำเข้าจากต่างประเทศในปริมาณมาก ซึ่งซุกซ่อนในรูปแบบของสินค้านำเข้าทางการเกษตรหรือสินค้าทั่วไป โดยขบวนการเหล่านี้เชี่ยวชาญการการใช้เส้นทางหลบหลีกและเส้นทางสำรองเพื่อให้รอดพ้นการจับกุม นอกจากนี้ตำรวจ ปส.ยังได้ประสานกับกรมศุลกากร ตรวจยึดตู้คอนเทนเนอร์ที่ลักลอบนำเข้าสารตั้งต้นยาเสพติดที่ท่าเรือ คาดว่าจะดำเนินการเปิดตู้ได้ภายใน 1-2 วันนี้ ทั้งนี้ ภาพรวมตลอดทั้งปี เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมยาเสพติดได้มากขึ้น ทั้งคดีใหม่ รวมถึงการขยายผลการจับกุมจากคดีเก่า
อย่างไรก็ตาม จากการติดตามการจัมกุมเครือข่ายยาเสพติดต่าง ๆ พบว่าบริษัทโลจิสติกส์ถูกใช้เป็นเครื่องมือลักลอบขนย้ายยาเสพติด ซึ่งขณะนี้หลายบริษัทให้ความร่วมมือกับตำรวจเป็นอย่างดี แต่บางบริษัทไม่ให้ความร่วมมือ โดยจะแจ้งเรื่องดังกล่าวให้รัฐบาลใหม่จัดการต่อไปเพื่อเพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมบริษัทโลจิสติกส์
ขณะเดียวกัน ประเทศเพื่อนบ้านทุกประเทศให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในการสกัดกั้นยาเสพติด แต่ต้องเข้าใจสถานการณ์ ประเทศเมียนมาร์ที่ยังอยู่ในสภาวะสงครามกลางเมือง จึงอาจดำเนินการปราบปรามยาเสพติดได้ไม่หมด โดยเฉพาะบางพื้นที่ที่สู้รบกันและรัฐบาลกลางเมียนมาร์ไม่สามารถเข้าไปจัดการได้ อาจเป็นช่องโหว่ที่ทำให้กลุ่มเครือข่ายยาเสพติดอาศัยพื้นที่สู้รบลักลอบผลิตและส่งเข้ามาในประเทศ
พล.ต.อ.ชินภัทร ระบุเพิ่มเติมว่า ตำรวจเตรียมขานรับนโยบายปราบปรามยาเสพติดจากรัฐบาลชุดใหม่ เชื่อว่ารัฐบาลชุดนี้จะตั้งใจจัดการแก้ปัญหายาเสพติด เบื้องต้นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ได้ขอข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ยาเสพติดในประเทศ ซึ่งตำรวจได้ส่งข้อมูลไปเรียบร้อยแล้ว
ส่วนเรื่องหลังเกษียณอายุราชการในสิ้นเดือนกันยายนนี้จะได้รับแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษารัฐบาลเรื่องแก้ปัญหายาเสพติดหรือไม่ พล.ต.อ.ชินภัทร มองว่าเป็นเรื่องของอนาคต ให้รอดูหลังเกษียณก่อน ขณะนี้เหลือเวลาราชการประมาณ 20 กว่าวัน จะทำหน้าที่ปราบปรามยาเสพติดให้เต็มที่ที่สุด