CRIME

ตร.ไซเบอร์ แถลงรวบแก๊งหลอกลงทุนฟาร์มเห็ด สูญ 1.2 พันล้านบาท

วันนี้ (5 ส.ค. 65) พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผบช.สอท. แถลงผลการจับกุมผู้ต้องหา เครือข่าย ‘Turtle farm’ หลอกลงทุนฟาร์มเห็ด โดยมีผู้เสียหายกว่า 2,000 ราย ความเสียหายรวม 1,200 ล้านบาท

สืบเนื่องจากเมื่อประมาณเดือนพฤศจิกายน 2564 กลุ่มผู้ต้องหาได้ร่วมกันจัดตั้งบริษัท ไมน์นิ่ง มายน์ เอ็กซ์ จำกัด และ ห้างหุ้นส่วนจำกัด สถานีหลักสี่ โดยได้สร้างโรงเพาะเห็ดขึ้นหลายโรงในพื้นที่ อ.เมือง จ.สกลนคร และหลอกชักชวนประชาชนผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ให้มาร่วมลงทุนรูปแบบต่างๆ ในโครงการ Turtle farm เช่น ปลูกเห็ดเยื่อไผ่ ปลูกกัญชา พืชกระท่อม และ เลี้ยงผึ้ง อ้างว่าจะได้ผลตอบแทนเป็นจำนวนมาก แต่มีเงื่อนระยะเวลาในการลงทุน เช่น หากลงทุน 132,000 บาท จะได้รับผลตอบแทนหลังจากลงทุนไปแล้ว 4 เดือน ในอัตราเดือนละ 53,200 บาท ทุกเดือน เป็นระยะเวลา 7 ปี โดยทำสัญญาระหว่างผู้ร่วมลงทุนกับผู้ต้องหา ใช้บุคคลสำคัญ หรือบุคคลที่มีชื่อเสียงมาร่วมโฆษณาชักชวน สร้างภาพว่าฟาร์มดังกล่าวได้รับรางวัล เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ

ทำให้ผู้เสียหายรายหลายหลงเชื่อ นำเงินมาร่วมลงทุนเป็นจำนวนมาก บางรายใช้เงินเก็บก้อนสุดท้าย หรือนำทรัพย์สินไปจำนองเพื่อให้ได้เงินมาลงทุน ก่อนที่กลุ่มผู้ต้องหาจะอ้างว่าเหตุขัดข้อง ไม่สามารถจ่ายผลตอบแทนให้กับผู้เสียหายได้ รวมถึงไม่สามารถติดต่อได้ในเวลาต่อมา ผู้เสียหายเชื่อว่าถูกหลอกลวงจึงมาแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหาไว้ตามท้องที่ต่างๆ เป็นจำนวนกว่า 2,000 ราย

ต่อมา ในวันที่ 2 สิงหาคม 65 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.สอท. ได้รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลจังหวัดสกลนครอนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหา จำนวน 8 ราย ประกอบด้วย น.ส.ฐานวัฒน์ อายุ 26 ปี น.ส.พลอยฐิตา อายุ 31 ปี น.ส.นันทวดี อายุ 29 ปี น.ส.ฐิตารีย์ อายุ 29 ปี น.ส. ประภากร อายุ 25 ปี น.ส.จัณฑิกา อายุ 29 ปี น.ส.อนัญญา อายุ 23 ปี และ น.ส.ศิลป์สุภา อายุ 23 ปี โดยทั้งหมดเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสกลนคร ที่ จ.93-100/2565 ลง 2 สิงหาคม ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน กู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประซาชน และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่พี่น้องประชาชน”

โดยระหว่างวันที่ 3-4 สิงหาคม ที่ผ่านมา สามารถติดตามจับกุมตัว น.ส. ประภากร น.ส.ศิลป์สุภา และ น.ส.อนัญญา ได้ในในพื้นที่ อ.เมือง จ.สกลนคร พร้อมของกลางกว่า 200 รายการ นอกจากนี้ ในวันนี้ (5 สิงหาคม) น.ส.นันทวดี ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบ เจ้าหน้าที่จึงทำการจับกุมตามหมายจับ ซึ่ง น.ส.ฐานวัฒน์นั้น เคยก่อเหตุคดีฉ้อโกงหลายคดี มีการเปลี่ยนแปลงชื่อนามสกุลตนเองหลายครั้ง และมีการเปลี่ยนแปลงตำหนิรูปพรรณตนเองเพื่อสะดวกในกระทำความผิด หรือเพื่อการหลบหนี

พล.ต.ท.กรไชย กล่าวอีกว่า บริษัทดังกล่าว มีผู้ถือหุ้นรายสำคัญทั้งหมด 3 คน ประกอบด้วย น.ส.ฐานวัฒน์ ถือหุ้น ร้อยละ 40 น.ส.พลอยฐิตา ถือหุ้นร้อยละ 40 และ น.ส.ฐิตารีย์ ถือหุ้นร้อยละ 20 ส่วนทรัพย์สินที่สามารถตรวจยึดนั้นได้ประสานไปยัง สำนักงานป้องกันและปรามปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) เพื่อทำการตรวจสอบ ส่วนผู้มีชื่อเสียงจำนวน 4 คน ที่ทำการโปรโมทให้ร่วมลงทุน จากนี้จะเชิญตัวมาสอบปากคำ หากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ ขอเตือนประชาชนว่าไม่มีการลงทุนรูปแบบใดที่ให้ผลตอบแทนสูงภายในระยะเวลาอันสั้น โดยขณะนี้พบว่ามีมูลค่าความเสียหายทั้งสิ้น 1,290 ล้านบาท และอาจมีมากขึ้น เพราะผู้เสียหายบางรายยังไม่เข้าแจ้งความ จึงขอเรียนให้ประชาชนผู้เสียหายเข้าแจ้งความที่เว็บไซต์ thaipoliceonline.com ตำรวจไซเบอร์จะดูแลประชาชนเต็มความสามารถ

ขณะนี้ยังมีผู้ต้องหาอีก 4 คนที่ยังหลบหนี โดยพบว่า อยู่ในประเทศ 1 คน คือ น.ส.ฐิตารีย์ และหลบหนีไปยังประเทศอังกฤษ 3 คน คือ น.ส.ฐานวัฒน์ น.ส.พลอยฐิตา และ น.ส.จัณฑิกา ซึ่งทั้ง 3 คนทีาหลบหนีออกนอกราชอาณาจักร จากนี้จะมีหนังสือแจ้งไปยังกองการต่างประเทศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ประสานกับองค์การตำรวจสากล หรืออินเตอโพล ดำเนินการประกาศตำรวจสากลสีแดง ติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมระบุที่หมายแจ้งไปยังประเทศสมาชิกองค์การตำรวจสากล ทั้ง 194 ประเทศ

Related Posts

Send this to a friend