CRIME

ผบช.สตม. แถลงจับกุมต่างชาติอยู่ไทยเกินกำหนด กำชับ จนท.ให้ตรวจสอบอย่างเข้มงวด รับ เอเปค

วันนี้ (4 พ.ย. 65) พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม. และ พล.ต.ต.มานัด ศรีวงษา ผบก.ตม.3 แถลงข่าวผลการจับกุมผู้ต้องหาต่างชาติที่อยู่ในประเทศไทยเกินเวลา และทำเรื่องผิดกฏหมาย ณ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง

พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ กล่าวว่า สถิติการจับกุมคนต่างด้าวอยู่เกินกำหนดอนุญาต (Overstay) ในเดือนตุลาคมปี 2564 และปี 2565 มีสถิติเพิ่มขึ้น 584 คดี คิดเป็นร้อยละ 432.59 และในปีนี้มีการปฏิเสธให้เข้าประเทศกว่า 5,000 คน จึงมีการสั่งให้ตรวจสอบอย่างเข้มข้น

พล.ต.ต.ธนิต ระบุว่า ในกรณีที่ 1 จากตรวจสอบ ได้ข้อมูลมาว่ามีคนเกาหลีที่มีพฤติกรรมหลบหนีเข้าเมืองไทยมา จึงมาตรวจสอบในระบบ พบว่า อยู่ประเทศไทยเกินกว่าระยะเวลาที่อนุญาต หลังจากตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่ามีหมายจับอยู่ที่ประเทศเกาหลี ต้องการตัวไปดำเนินคดีในความผิดฐานฉ้อโกง เนื่องจากประมาณกลางเดือนมีนาคม 2559 ได้หลอกผู้เสียหายว่ามีร้านเอาท์เล็ทในกรุงเทพ จึงหลอกให้คนเกาหลีส่งเสื้อผ้ามาขาย และประกันราคาว่าจะได้กำไร 3 – 15 เท่าจากราคาเดิม ซึ่งมีมูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท

กรณีที่ 2 สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐออสเตรีย ประจำประเทศไทย ขอความอนุเคราะห์ในการติดตามตัวนายมาร์โก้ (นามสมมติ) ซึ่งเป็นบุคคลที่สาธารณรัฐออสเตรียต้องการตัวไปดำเนินคดีตามหมานจับสหภาพยุโรป ในฐานความผิดยักยอกเงินสมทบประกันสังคมของพนักงาน ความผิดฐานละเมิดผลประโยชน์ของเจ้าหน้าที่อย่างร้ายแรง ความผิดฐานฉ้อฉลล้มละลาย และความผิดฐานฉ้อโกงประกันสังคม รวมทั้งสิ้น 7 กระทง จึงได้สืบสวนพบว่าอาศัยอยู่ในจังหวัดพังงา และนำตัวมาเตรียมส่งกลับประเทศเพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

กรณีที่ 3 PCT ร่วมกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง, ตำรวจท่องเที่ยว และบช.สอท. ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาชาวจีน 56 ราย ที่พักอาศัยอยู่ในหอพักแห่งหนึ่งในพื้นที่สวนหลวง และหัวหมาก จึงขอหมายค้น พบ คนจีนกำลังทำงานเกี่ยวกับเว็บพนันออนไลน์ จึงแจ้งข้อหาทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต และต่อมาแจ้งข้อหาเพิ่มเติมเรื่องการพนัน อีกทั้งยังสืบสวนสิลสวนเพิ่มเติมด้วย

พล.ต.ต.มานัด ระบุว่า กรณีที่ 4 สืบเนื่องจากมีการจับกุมแรงงานเมียนมาร์ในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี จึงขยายผลทราบว่า กลุ่มดังกล่าวเดินทางเข้ามาในประเทศไทยทาง จ.ประจวบคีรีขันธ์ และจ.กาญจนบุรี ทางช่องทางธรรมชาติ โดยนัดหมายกันทางโซเชียลมีเดีย และมีอีกหลายร้อยคนที่รอขบวนเครือข่ายขนคนส่งรถมารับเพื่อเข้ามาทำงานในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และเขตปริมณฑล จึงประสานงาน และดำเนินการสะกัดกั้นจับกุม รวมแล้วกว่า 76 ราย และในกรณีที่ 5 จับกุมชายอินเดียที่อยู่ประเทศไทยเกินกว่าที่ได้รับอนุญาตกว่า 1,084 วัน อีกทั้งยังมีพฤติกรรมแสดงตัวผู้มีอิทธิพล ก่อความเดือดร้อนรำคาญ อันทำให้เกอดความไม่สงบในพื้นที่ จึงเข้าจับกุมตัวได้ที่สภ.จอมพระ จ.สุรินทร์

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงมาตรการที่ใช้ในการให้วีซ่ากับนักเรียนชาวต่างชาติ พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ ระบุว่า มีการทำหนังสือกำชับไปยังเจ้าหน้าที่ว่าจะเข้มงวดเข้มงวดเรื่องการขออยู่ต่อในประเทศ ทั้งนักเรียน ผู้ป่วย มากขึ้น ถ้ามาขออยู่ต่อเราต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนอนุญาต หรือถ้าอนุญาตไปแล้วก็ต้องตรวจสอบต่อว่าอยู่ผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ ต้องดูเป็นราย ๆ ไป ส่วนการจะปรับหลักเกณฑ์การพิจารณาหรือไม่นั้น ต้องคุยกับข้าราชการหลายส่วน ตอนนี้เน้นปฏิบัติตามหลักการเดิม

ส่วนการเตรียมความพร้อมในการประชุมเอเปคที่จะมาถึงนี้ พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ ระบุว่า เรามีการตรวจคนเข้าเมืองตามปกติอยู่แล้ว และในแต่ละประเทศจะมีบัญชีเฝ้าระวังบุคคลลักษณะต่าง ๆ ส่งมาให้ ที่ระบุพฤติการณ์ชัดเจน เราจึงส่งไปทางเจ้าหน้าที่ให้ตรวจสอบว่ามีใครที่อยู่ในบัญชีเฝ้าระวัง และไม่ให้เข้าประเทศ

Related Posts

Send this to a friend