CRIME

DSI ยึดโรงงานและทรัพย์สินที่ทุจริตจากชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่

วันนี้ (4 ส.ค. 65) นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมคณะ เข้าตรวจค้นเป้าหมายโรงงานสาขาคลองท่อม จังหวัดกระบี่ ในคดีพิเศษที่ 215/2565 กรณี การทุจริตและยักยอกทรัพย์ในชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ จำกัด ซึ่งมีผู้ที่ได้รับผลกระทบประมาณ 20,000 ครัวเรือน มูลค่าความเสียหายโดยรวมกว่า 1,000 ล้านบาท

สืบเนื่องจากที่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้ลงพื้นที่รับฟังปัญหาจากประชาชนในพื้นที่จังหวัดกระบี่ เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2564 กรณีชุมนุมสหกรณ์เกิดปัญหาการบริหารจัดการชุมนุม ผู้บริหารมีการทุจริตและส่งผลให้ชุมนุมสหกรณ์เสียหายต่อสมาชิกเป็นวงกว้าง จึงได้มอบนโยบายให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พิจารณานำเรื่องกรณีการทุจริตดังกล่าวเสนอต่อคณะกรรมการคดีพิเศษรับเป็นคดีพิเศษ ตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 และมอบหมายให้กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ ดำเนินการสืบสวนสอบสวน โดยบูรณาการร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมส่งเสริมสหกรณ์ และสหกรณ์จังหวัดกระบี่

กระทั่งพบพฤติการณ์ กรรมการ/ผู้บริหาร/เจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่ของชุมนุมสหกรณ์ฯ ซึ่งมีหน้าที่ในการบริหารกิจการของชุมนุมสหกรณ์ฯ หลายชุด มีการกระทำผิดโดยไม่ดูแลหรือจัดการทรัพย์สินของชุมนุมสหกรณ์ฯ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ระมัดระวังรักษาผลประโยชน์ของสหกรณ์หรือผลประโยชน์ของสมาชิก และมีการดำเนินการขายโรงงานสาขาคลองท่อม ซึ่งเป็นทรัพย์สินของชุมนุมสหกรณ์ฯ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย บริหารงานไม่ซื่อสัตย์สุจริต และไม่ระมัดระวังรักษาผลประโยชน์ของสหกรณ์ฯ มีการจัดทำสัญญาซื้อขายเอื้อประโยชน์แก่ บริษัท กระบี่วิเศษน้ำมันปาล์ม จำกัด ทำให้ชุมนุมสหกรณ์ฯ เสียประโยชน์อย่างชัดแจ้ง ผู้บริหารของชุมนุมสหกรณ์ฯ บางรายเป็นผู้ก่อตั้งและผู้บริหารของบริษัท กระบี่วิเศษน้ำมันปาล์ม จำกัด มีสถานะเกี่ยวกับข้องกับผลประโยชน์ในนามของผู้ขายและผู้ซื้อ
ในคราวเดียวกัน ซึ่งถือเป็นการการบริหารงานที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนอันขัดต่อพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. 2542

อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ จึงได้นำหมายค้นของศาลจังหวัดกระบี่เข้าตรวจค้นบริษัท กระบี่วิเศษน้ำมันปาล์ม จำกัด (โรงงานสาขาคลองท่อม) และได้ทำการยึด/อายัด โรงงานสาขาคลองท่อม รวมทั้งทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องทั้งหมด อันเกิดจากการซื้อขายโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย รวมหลายรายการ ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิดโดยทุจริต อีกทั้งทรัพย์สินดังกล่าวยังเข้าข่ายเป็น “ทรัพย์สินเกี่ยวกับการกระทำความผิด” ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
พ.ศ. 2542 ซึ่งจะได้ดำเนินการประสานส่งต่อให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ดำเนินการตามมาตรการทางแพ่งต่อไป

พร้อมนี้ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษยัง ได้มีหมายเรียกผู้ต้องหาชุดแรกในคดีดังกล่าวเพื่อมารับทราบข้อหา จำนวน 8 ราย โดยให้เดินทางมาพบรับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 1 และ 2 กันยายน 2565 ณ กองคดีความผิดต่อการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ กรมสอบสวนคดีพิเศษ

Related Posts

Send this to a friend