4 ลูกน้อง ‘รองโจ๊ก‘ ชุดเดิมทำคดี “เป้รักผู้การ 140 ล้าน” เข้าให้การชุดทำคดีของอัยการ
4 ลูกน้อง ‘รองโจ๊ก‘ ชุดเดิมทำคดี “เป้รักผู้การ 140 ล้าน” เข้าให้การชุดทำคดีของอัยการ ก่อนสรุปสำนวน พ.ค.นี้ ด้าน ’วัชรินทร์‘ ยัน คดีไม่ได้ล่าช้า เพราะต้องฟังความจริงทุกฝ่าย ยืนยัน เรียกทั้ง 4 นาย ให้การ ไม่เกี่ยวกับศาลออกหมายจับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ขณะที่ ผู้การฯ ’นำเกียรติ‘ ยืนยัน ไม่ได้ชี้นำ ‘บอย พัทยา’ ตามที่ถูกกล่าวอ้าง
วันนี้ (3 เม.ย. 67) เวลา 13:30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ชุดคณะทำงานตรวจสอบหรือกำกับการสอบสวน คดีรีดทรัพย์เว็บพนัน 140 ล้าน หรือคดี “เป้รักผู้การเท่าไหร่“ นำโดย นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด ในฐานะหัวหน้าชุดฯ ได้เรียกคณะชุดสอบสวนชุดเดิมหรือชุดของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มาให้ข้อมูลการทำคดี หลังจากสอบปากคำพยานไปแล้ว 200 กว่าปาก
ในวันนี้ ชุดทำคดีของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เดินทางมาให้ข้อมูล 4 นาย ประกอบด้วย พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์, พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย, พ.ต.อ.เขมรินทร์ พิศมัย และ พ.ต.อ.ปรเมษฐ์ มาให้ข้อมูลกับคณะสอบสวน
นายวัชรินทร์ ระบุว่า เราเน้นรับฟังข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานจากทุกฝ่าย และผู้ต้องหาก็เปิดโอกาสมาให้การ ซึ่งได้ทำการสอบสวนครบถ้วนแล้ว แต่ยังไม่ได้มีการสรุปสำนวนส่ง เพราะอยากได้ฟังทุกฝ่าย วันนี้จึงได้เชิญชุดพนักงานสืบสวนสอบสวนเดิมมาให้การ ซึ่งเป็นการเชิญมาไม่ได้เป็นผู้ต้องหา
ส่วนเหตุผลที่ต้องเชิญตำรวจ 4 นาย มาให้การ เพราะบางท่านเคยให้การไปแล้ว และบางท่านยังไม่เคยให้การ เพราะเราต้องการความจริงของเรื่อง ซึ่งยืนยันว่า เราทำตามพยานหลักฐาน ไม่มีการช่วยเหลือใคร และไม่มีการเข้าข้างใคร จึงต้องการความจริงบางอย่างในสำนวนที่อยากให้ท่านทั้ง 4 คนมาให้การเพื่อเป็นประโยชน์ทางคดี หากคำให้การเกี่ยวพันหรือเกี่ยวข้องกับใคร ก็จะดำเนินคดีไปตามนั้น ดังนั้นการทำคดีสำนวนจะต้องฟังความจากทุกฝ่ายจะไม่มีทางที่เราจะเลี่ยงฟังฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
สำหรับ ชุดคณะทำงานเดิมทั้ง 4 นาย ก็ถือเป็นชุดสืบสวนสอบสวนที่ทำหน้าที่ตั้งแต่แรก บางท่านก็สืบสวนพยานหลักฐานหลักฐานต่างๆ รวมทั้งเส้นทางการเงิน บางท่านก็เป็นพนักงานสอบสวนอยู่แล้ว หรือหากทั้ง 4 ท่านต้องการจะให้การอะไรเพิ่มเติมที่ไม่มีในสำนวนก็ยินดีรับ
ส่วนกรอบระยะเวลาจะดำเนินการสำนวนคดีให้แล้วเสร็จภายในเดือน พ.ค. ซึ่งพยานรอบนี้เป็นพยานชุดสุดท้ายของฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐ เพราะเป็นผู้เริ่มต้นคดีตั้งแต่แรก จึงเป็นการสอบคำให้การเพื่อนำมาเติมเต็มในส่วนที่ขาดหายไป ส่วนฝ่ายผู้ต้องหา และฝ่ายผู้เสียหายสอบปากคำหมดแล้ว
ทั้งนี้ นายวัชรินทร์ กล่าวอีกว่า ได้เชิญชุดสืบสวนสอบสวนเดิมมาทั้งหมด 6 นาย แต่วันนี้มาแค่ 4 นาย ส่วนอีก 2 นาย นัดวันอังคาร ที่ 9 เม.ย. นี้ จากนั้นเมื่อสอบคำให้การเสร็จจะนัดประชุมใหญ่อีกครั้ง ช่วงหลังเทศกาลสงกรานต์
นายวัชรินทร์ ยืนยันว่า คดีไม่ได้ล่าช้า เพราะผู้ต้องหาวันนี้เพิ่มเป็น 33 คนแล้ว และยังมีผู้ต้องหาหลบหนีอยู่ 1 ราย ซึ่งถือว่าไม่ได้ล่าช้า เพราะเราไม่สามารถช่วยใครได้เลย ปิดหูปิดตาทุกอย่าง เปิดแต่ใจที่รับสำนวนจากพยานหลักฐานเท่านั้น ส่วนจะมีผู้ต้องหาเพิ่มอีกหรือไม่ ยังไม่สามารถตอบได้ ต้องรอดูคำให้การจากข้อมูลในวันนี้ และคดีคืบหน้าไปกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ แล้วใกล้จะสรุปสำนวนแล้ว
ทั้งนี้ นายวัชรินทร์ ยืนยันด้วยว่า ทั้ง 4 นาย ไม่ได้สมัครใจมากล่าวหาใคร แต่เป็นการที่คณะทำงานเรียกทั้ง 4 คนเข้ามาให้ข้อมูลเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับที่ทั้ง 4 คนมีคดีอยู่แล้ว และไม่ได้เกี่ยวข้องกับการออกหมายจับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร.เมื่อวานนี้ เพราะเป็นการเรียกทั้ง 4 คนมาก่อนที่ศาลจะออกหมายจับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์
ส่วนกรณีที่นายวีระ นาทรัพย์ หรือบอย พัทยา เคยให้สัมภาษณ์ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมในคดีนั้น นายวัชรินทร์ ระบุว่า เขาไปพูดกับสื่อมวลชนแบบนั้น แต่ตอนให้การกับตนเองไม่เห็นพูด เพราะตนเองเป็นคนสอบนายบอยด้วยตนเอง ก็ไม่เห็นบอกอะไร ทั้งๆ ที่บอกไปแล้วว่า อยากจะบอกอะไรก็ให้บอกได้เลย และได้ส่งทีมอัยการกับพนักงานสอบสวนไปสอบถึงชลบุรีกับบางส่วนที่เขาอ้างพยานด้วย
ด้าน พล.ต.ต.นำเกียรติ กล่าวถึงกรณีที่ก่อนหน้านี้เคยออกมาระบุว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรมในการถูกดำเนินคดีเว็บพนันของตนเอง เพราะตนเองเป็นคนทำดคี 140 ล้านบาท ว่า เป็นความเชื่อที่ตนเองเข้าใจ และได้นำเรียนประชาชน และสื่อมวลชนไปแล้ว จะไม่ขอไปก้าวอ้างถึงวันนั้นอีก เพราะถือว่าวันนั้นตนเองได้ใช้สิทธิก็จบบตรงนั้น วันนี้เป็นการมาให้การตามที่พนักงานสอบสวนร้องขอให้มาพบ ส่วนรายละเอียดก็อยู่ที่พนักงานสอบสวน
ส่วนกรณีที่เคยออกมาอ้างถึงผู้กำกับ ด. ที่มีความใกล้ชิดกับตำรวจระดับสูง จนทำให้ตนเองถูกเอาคืนนั้น พล.ต.ต.นำเกียรติ ระบุว่า เป็นรายละเอียดในคดีนี้ไม่ขอเปิดเผย และตนเองก็ไม่ได้รับผิดชอบในคดีนี้แล้ว และก็ไม่หนักใจ เพราะในอดีตที่ผ่านมาตนเองไม่ได้ทำตามที่ถูกกล่าวหา หน้าที่ของตนเองคือการแก้ปัญหา
ส่วนกรณีที่นายบอย กล่าวหาว่า มีการบังคับชี้นำ แนวทางการในสอบสวนทางคดี พล.ต.ต.นำเกียรติ ระบุว่า รายละเอียดในสำนวนคดีนี้ก็ไม่ขอกล่าวถึง เป็นเรื่องของคณะพนักงานสอบสวน และการที่เขากล่าวอ้างหรือกล่าวถึงก็เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน หากพิจารณาแล้วพวกตนเอง มีการกระทำความผิดก็เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน แต่ส่วนตัวยืนยันว่า ไม่ได้กระทำตามที่กล่าวอ้างอย่างแน่นอน
ขณะที่ พ.ต.อ.เขมรินทร์ กล่าวอีกว่า ไม่มีหนักใจเช่นกัน เพราะถือเป็นชุดสืบสวนสอบสวนชุดแรก และพร้อมให้ข้อมูลที่มีรายละเอียดอยู่ในสำนวนอยู่แล้ว แต่เป็นขั้นตอนที่จะทำให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย