DSI รับคดี ‘กำนันนก’ ฮั้วประมูลเป็นคดีพิเศษ
รวม 19 โครงการ มูลค่ากว่า 1.3 พันล้านบาท จ่อเอาผิด 2 บริษัท ป. เตรียมขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการ แย้มอาจมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงพัวพัน
วันนี้ (2 ต.ค. 66) พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีดีเอสไอ ได้มีคำสั่งรับกรณีที่บริษัทของ นายประวีณ จันทร์คล้าย หรือ ‘กำนันนก’ ในฐานะกรรมการบริษัท รับโครงการจากหน่วยงานภาครัฐตั้งแต่ปี 2554-ปัจจุบัน โดยเป็นโครงการที่มีมูลค่าวงเงินสัญญาตั้งแต่ 30 ล้านบาทขึ้นไป ได้แก่ บริษัท ป. แรก จำนวน 18 โครงการ และอีกบริษัท ป. จำนวน 2 โครงการ รวมทั้งหมด 20 โครงการ ที่มีเหตุอันควรสงสัยจะมีการทำสัญญากับภาครัฐโดยไม่โปร่งใส เป็นคดีพิเศษที่ 82/2566 ซึ่งให้ทำการสอบสวนการกระทำที่มีพฤติการณ์ที่ควรสงสัย รวม 19 โครงการ ส่วนอีก 1 โครงการไม่เข้าหลักเกณฑ์
สำหรับ 19 โครงการที่รับเป็นคดีพิเศษ อยู่ในความรับผิดของ 3 หน่วยงาน ได้แก่ กรมทางหลวง 8 โครงการ กรมทางหลวงชนบท 4 โครงการ และกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น 7 โครงการ ในวงเงินงบประมาณ 1,326,244,000 บาท และวงเงินทำสัญญารวม 1,210,778,289 ล้านบาท แบ่งเป็นการประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์แบบเดิม (e-auction) 12 โครงการ ตั้งแต่ปี 2554-2559 และการประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์แบบใหม่ (e-bidding) 7 โครงการ หลังปี 2559-ปัจจุบัน ซึ่งการฮั้วประมูล แบบเดิมจะเกิดขึ้นง่ายกว่า e-bidding เพราะการเสนอราคามีตลาดกลาง ทำให้บริษัทมีโอกาสเจอกัน พร้อมต่อรองผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน
เบื้องต้น ดีเอสไอดำเนินการเอาผิดกับ 2 บริษัทของกำนันนกในคดีฮั้วประมูลเป็นหลัก และนโยบายของผู้บริหารให้สอบสวนต่อเนื่อง และขยายผลเพื่อหาผู้ร่วมขบวนการที่สำคัญ ซึ่งอาจเป็นเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงหรือคนทำระบบที่เป็นผู้นำข้อมูลจากกรมบัญชีกลางมาขายข้อมูลและรายชื่อให้กับผู้จัดฮั้วในพื้นที่ต่าง ๆ อาทิ การขายข้อมูลผู้เข้ารับเอกสารหรือผู้ซื้อซอง การขายข้อมูลแบบออนไลน์ เป็นต้น เพื่อหาตัวการที่แท้จริงว่าเป็นเจ้าหน้าที่ระดับใดหรือหน่วยงานใดบ้าง รวมถึงทั้ง 58 บริษัท ที่เคยยื่นซื้อซองแต่ไม่เข้าร่วมประกวดราคา หากพบเส้นทางการเงินเกี่ยวข้องก็ต้องถูกแจ้งข้อกล่าวหาเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ การเข้าชี้แจงของพยานทั้งหมดที่ผ่านมา มี 7 บริษัทที่ไม่เข้าให้ปากคำ แต่บางส่วนชี้แจงผ่านหนังสือเอกสารส่งมายังพนักงานสอบสวน และการให้การส่วนใหญ่ของตัวแทนบริษัท ไม่ได้บอกว่าเข้ายื่นซื้อซองเสนอราคาเพียงอย่างเดียวหรือไม่ ปัจจุบันทราบว่าคณะพนักงานสอบสวนยังไม่ได้ออกหมายเรียกผู้ต้องหาแก่พยานหรือตัวแทนบริษัทใด
