CRIME

แถลงผลจับกุมพ่อค้า – แม่ค้าซิมผีกว่า 2 หมื่นซิม ใช้บัตรต่างด้าวลงทะเบียนซิม

กระทรวงดีอีเอส ร่วมกับ ตร. – สอท. แถลงผลจับกุมพ่อค้า – แม่ค้าซิมผีกว่า 2 หมื่นซิม ใช้บัตรต่างด้าวลงทะเบียนซิม ด้าน จนท. เร่งแจ้งข้อหา ขยายผลต่อไป พร้อมฝากเตือนประชาชนระวังการทำธุรกรรมออนไลน์

วันนี้ (1 ธ.ค. 66) ที่กระทรวงดิจิทัล เศรษฐกิจเพื่อสังคม (ดีอีเอส) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอีเอส พร้อมด้วย พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.), นายสุทธิเกียรติ วีระกิจพานิช ที่ปรึกษารัฐมนตรีฯ, พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) แถลงข่าวยุทธการ “ซิม สาย เสา” ตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์

นายประเสริฐ ระบุว่า สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ได้ตรวจสอบพบพฤติกรรมในการนำบัตรประจำตัวประชาชนของผู้อื่น และบัตรบุคคลต่างด้าวโดยเฉพาะสัญชาติเมียนมา (บัตรสีชมพู) เพื่อลงทะเบียนซิมมการ์ดเปิดใช้งานแล้วจำหน่ายให้แก่บุคคลทั่วไป ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการเปิดช่องให้มิจฉาชีพใช้เป็นช่องทางในการนำไปโทรหลอกลวงประชาชน

พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวว่า เมื่อช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สอท.4 สามารถรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายค้น แล้วนำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านพักหลังหนึ่งในพื้นที่ ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก จนสามารถจับกุม นางสาวธรรศธนพร อายุ 38 ปี ชาว อ.แม่สอด จ.ตาก พร้อมของกลางซิมการ์ด โทรศัพท์ที่พร้อมใช้งานจำนวน 4,397 หมายเลข โทรศัพท์เคลื่อนที่ สายแพวงจรสำหรับต่อโทรศัพท์ และอาวุธปืน พร้อมเครื่องกระสุนกว่า 50 นัด จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ต่อมาตนเอง จึงสั่งการให้ บก.สอท.4 ดำเนินการขยายผลหาตัวผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าวเพิ่มเติม

พล.ต.ท.วรวัฒน์ ระบุว่า จากข้อมูลพบว่า ผู้ต้องหาดังกล่าวได้ทำการซื้อซิมผีผ่านกลุ่มลับในแอปพลิเคชันเฟซบุ๊ก โดยในกลุ่มดังกล่าวมีการโพสต์โฆษณาขายซิมโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ลงทะเบียนใช้งานแล้ว จึงได้สืบสวนหาข้อมูลจนทราบว่าซิมผิดกฎหมายดังกล่าวมีที่มาจาก นางสาวธรรศกร หรือ ฝ้าย อายุ 43 ปี ชาว จ.ชุมพร จึงได้ส่งสายลับทำการล่อซื้อพร้อมกับส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนลงพื้นที่เฝ้าติดตามพฤติกรรม จนมั่นใจว่านางสาวฝ้ายฯ อาจนำซิมผีดังกล่าว ไปส่งให้สายลับผ่านบริษัทขนส่งพัสดุเอกชนแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.นาทุ่ง อ.เมือง จ.ชุมพร

พล.ต.ท.วรวัฒน์ ระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงวางกำลังซุ่มรอ นางสาวฝ้าย จนสุดท้ายสามารถเข้าควบคุมตัวได้ ขณะกำลังลงจากรถยนต์ส่วนตัวเพื่อเตรียมส่งพัสดุซึ่งภายในบรรจุซิมผีให้สายลับ เมื่อเจ้าหน้าที่ทำการตรวจค้น พบซิมผี จำนวนกว่า 10,000 หมายเลข นางสาวฝ้ายจึงรับสารภาพเพราะจำนนต่อหลักฐาน พร้อมให้ข้อมูลว่า ตนเองเคยโพสต์ขายซิมโทรศัพท์ที่ได้ลงทะเบียนแล้วพร้อมใช้ (ซิมผี) ในกลุ่มลับผ่านแอปพลิเคชันเฟซบุ๊กโดยรับซื้อซิมดังกล่าวมาในราคาชิมละ 35 บาท และนำมาขายในกลุ่มลับในราคา 43 บาท ซึ่งได้กำไร ประมาณ 8 บาทต่อซิม โดยตนเองรู้ตัวดีว่า การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามกฎหมาย แต่ก็ยอมเสี่ยงทำเนื่องจากขายแล้วได้กำไรดี

พล.ต.ท.วรวัฒน์ ระบุต่อว่า เจ้าหน้าที่จึงนำตัวไปตรวจค้นบ้านพัก ยังพบซิมผีเพิ่มเติมอีกกว่า 2,000 หมายเลข จึงได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใด ๆ เพื่อให้มีการซื้อหรือขายเลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งลงทะเบียนผู้ใช้บริการในนามของบุคคลหนึ่งบุคคลใดแล้ว แต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้” จึงนำตัวพร้อมของกลางส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย

พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวต่อว่า จากหลักฐาน พบว่า นางสาวฝ้าย ได้ติดต่อซื้อซิมผีจากนายตั้ม ซึ่งทราบว่าพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ อ.เมือง จ.ราชบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการขยายผลต่อเนื่อง โดยสามารถรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออำนาจศาลจังหวัดราชบุรีออกหมายคัน และได้นำกำลังเข้าทำการตรวจคันบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ อ.เมือง จ.ราชบุรี และจากการตรวจค้น สามารถจับกุมนายตั้ม ขณะกำลังลงทะเบียนซิมการ์ด พร้อมซิมการ์ดที่ลงทะเบียนแล้วจำนวน 160 หมายเลข และซิมการ์ดที่กำลังรอลงทะเบียน อีกจำนวนกว่า 6,000 หมายเลข โดยเบื้องต้น นายตั้มยอมรับว่า ได้ซื้อซิมการ์ดมาในราคา 35 บาท หากมีลูกค้าสนใจซื้อซิมการ์ดที่มีการลงทะเบียนแล้ว จะขายให้ในราคา 150 บาท

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้สอบถามข้อมูลจาก นายตั้มเพิ่มเติม ทราบว่าผู้ต้องหาเป็นพนักงานของบริษัทค่ายสัญญาณโทรศัพท์มือถือแห่งหนึ่ง จึงมีความรู้ในการลงทะเบียนซิม และพบช่องโหว่ของขั้นตอนการลงทะเบียนดังกล่าว โดยได้สาธิตให้ดูวิธีการลงทะเบียนโดยใช้แอปของบริษัทฯ ซึ่งสามารถใช้หนังสือเดินทาง (Passport) ของคนต่างด้าวในการลงทะเบียนซิม และใช้วิธีการถ่ายภาพจากบัตรต่างด้าว หรือหนังสือเดินทางที่ไม่ชัด แล้วสุ่มกรอกข้อมูลเลขบัตรประจำตัว หรือเลขหนังสือเดินทางแบบผิด ๆ ทำให้สามารถลงทะเบียนชิมได้ในจำนวนมาก

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อหา “เป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใด ๆ เพื่อให้มีการ
ซื้อหรือขายเลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งลงทะเบียนผู้ใช้บริการในนามของบุคคลหนึ่งบุคคลใดแล้ว แต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้” อันเป็นความผิดตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 มาตรา 11 ” พร้อมนำตัวผู้ต้องหาและของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนพร้อมดำเนินตามกฎหมายต่อไป

ด้าน พล.ต.อ.ธนา กล่าววว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DE) ได้ร่วมมือกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ในการเร่งดำเนินการขยายผลจับกุมและทลายเครือข่ายซิมผี บัญชีม้า เพื่อแก้ไขปัญหาให้แก่พี่น้องประชาชน เพื่อสร้างความมั่นใจในการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ให้ได้มากที่สุด อย่างไรก็ตามขอเตือนภัยประชาชน ให้เพิ่มความระมัดระวังในการทำธุรกรรมออนไลน์ต่าง ๆ รวมทั้ง อย่าเห็นแก่ประโยชน์เพียงเล็กน้อย โดยยินยอมให้มีการซื้อหรือขายเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ซึ่งลงทะเบียนในนามของบุคคลหนึ่งบุคคลใดแล้ว แต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้ เนื่องจากการกระทำเหล่านี้มีความผิดตามกฎหมาย

Related Posts

Send this to a friend