‘ชูวิทย์’ งัดหลักฐานเด็ด เปิดเส้นทางการเงินนอมินีคนไทย เชื่อม ‘ตู้ห่าว’
![](https://www.thereporters.co/wp-content/uploads/2022/12/CoverN-Dec22-043.jpg)
‘ชูวิทย์’ งัดหลักฐานเด็ด เปิดเส้นทางการเงินนอมินีคนไทย เชื่อม ‘ตู้ห่าว’ ขยายอสังหาริมทรัพย์ในไทยเพียบ วิจารณ์การทำงานเลขาธิการ ปปส. กรณีตรวจเครื่องบินตู้ห่าวล่าช้า ถาม นำเงินทุน UNODC ไปสร้างอะไรไว้กลางป่าสงวนที่เชียงราย
วันนี้ (1 พ.ย. 65) เมื่อเวลา 15.00 น. ที่ โรงแรมเดอะเดวิส บางกอก ซ.สุขุมวิท 24 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ตั้งโต๊ะแถลงข่าวเปิดหลักฐานเพิ่มเติม ภายหลังเดินทางเข้ายื่นเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับเส้นทางการเงินเพิ่มเติมกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)
โดยก่อนเริ่มแถลงข่าว นายชูวิทย์ ได้เผาพริกเผาเกลือสาปแช่งคู่กรณีของตนเอง พร้อมระบุว่า สาเหตุที่ตนเองต้องเผาพริกเผาเกลือ เพราะมีคนที่ไม่จงรักภักดีกับประเทศชาติ หากินโดยการเอาสื่อมาเป็นเครื่องมือ เรียกราคา และไปตลบหลังพวกทุนจีนสีเทา โดยนายชูวิทย์ได้บอกให้คู่กรณีของตนเองไปใส่กระโปรงซะ และขอให้มีอันเป็นไป แต่ถ้าหากสิ่งที่ตนเองพูดไม่เป็นความจริง หรือหวังผลประโยชน์จากสิ่งที่พูด ก็ขอให้ตนเองพินาศไป รวมทั้งสิ่งที่ตนเองพูดเป็นความจริง ก็ขอให้คู่กรณีมีอันเป็นไปใน 3 วัน 7 วัน
จากนั้น นายชูวิทย์ ได้เปิดเผยถึงหลักฐานที่นำไปมอบให้กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. วันนี้ ว่า มีพยานปากเอกคนสำคัญ ซึ่งเป็นคนไทยที่เคยร่วมงานกับ นายตู้ห่าวแต่เกิดการขัดผลประโยชน์กัน เนื่องจากนายตู้ห่าวไม่ยอมให้เงินค่าจ้าง และไล่เขาออก พยานคนไทยรายนี้จึงติดต่อตนเองเพื่อขอเป็นพยานในคดี ซึ่งตนไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลของบุคคลดังกล่าวได้ และได้ดูแลเรื่องความปลอดภัยก่อนที่จะส่งพยานคนดังกล่าวให้กับทางตำรวจ
นายชูวิทย์ ได้ฝากไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการทำสำนวนคดีดังกล่าว รวมทั้งการติดตามไล่ยึดทรัพย์ ว่าขอให้เจ้าหน้าที่ทำงานอย่างโปร่งใส และเป็นธรรม หากมีบุคคลใดที่ตั้งใจทำสำนวนให้อ่อนหรือทำให้นายตู้ห่าวได้รับการปล่อยตัวจากการฝากขังทั้ง 7 ผลัด หรือในเวลา 84 วัน ตนเองมีข้อมูลของทุกคน และจะติดตามคดีว่าใครทำคดีนี้ หรือใครทำสำนวน ส่งไปให้อัยการคนไหน เพราะตอนนี้นายตู้ห่าวเงินไหลออกเหมือนน้ำประปา อาจจะได้รับการประกันตัวหรือไม่อย่างไร ก็ต้องรอติดตามกันต่อไป
![](https://www.thereporters.co/wp-content/uploads/2022/12/CoverN-Dec22-043-02.jpg)
นายชูวิทย์ ยังยืนยันว่า ตนเองไม่ได้รับงานหรือรู้เห็นกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. แต่ตนเองมีข้อมูลดังกล่าวจากบุคคลที่เกี่ยวข้องในขบวนการมามอบให้ และเห็นว่ากระบวนการดังกล่าวบ่อนทำลายประเทศชาติ จึงตัดสินใจเปิดเผยข้อมูลและส่งข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ
นายชูวิทย์ ได้เปิดเผยข้อมูลของนอมินีคนสำคัญของนายตู้ห่าว คือ นางพัชรินทร์ (ภรรยาอีกคนของนายตู้ห่าว) ซึ่งเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญ คือเส้นทางการเงินของนางพัชรินทร์ที่มีเส้นทางการเงินถึงนายตู้ห่าว โดยระบุเพิ่มเติมว่า ตนเองได้ให้ฝ่ายเทคนิคส่วนตัวทำการดึงข้อมูลในระบบคลาวด์ โดยได้จ้างผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านระบบไอทีมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ
นายชูวิทย์ ยังได้เปิดเผยภาพสัญญารายการซื้อขายระหว่างนายตู้ห่าวกับนางสาวพัชรินทร์ ว่า เป็นสัญญารายการซื้อขาย และคุ้มครองที่ดิน รีสอร์ท แอนด์ สปา แห่งหนึ่ง มูลค่ากว่า 400 ล้านบาท เมื่อเดือนมีนาคมปี 2563 โดยให้นางพัชรินทร์เป็นคนออกเช็คจ่ายแทนนายตู้ห่าวเพื่อไม่ให้ผิดกฎหมาย อีกทั้งยังมีสำเนาเช็คที่นางพัชรินทร์เป็นคนเซ็นจ่ายจำนวน 5-6 ใบ และยังมีรายละเอียดการซื้อขายที่ดินหลายไร่ในปี 2561 และเมื่อนำไปเทียบกับเอกสารการเดินบัญชีธนาคารของนางพัชรินทร์พบว่า มีข้อมูลการจ่ายเงินผ่านบัญชีธนาคารและเช็คจำนวนเงินตรงกับรายละเอียดในเอกสารรายรับรายจ่ายของบริษัทนายตู้ห่าว
นายชูวิทย์ ยังกล่าวอีกว่า นายตู้ห่าว และพวกมีสำนักทนายความชาวจีนเป็นของตัวเองเพื่อใช้ในการอำนวยความสะดวกให้กับขบวนการ และผู้ที่สนใจจะเดินทางมาลงทุนธุรกิจสีเทาหรืออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย และเป็นที่มาของการซื้อครองอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ โดยเช่าคนไทยเป็นนอมินี
นอกจากนี้ นายชูวิทย์ ยังวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของนายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. ที่ไม่ยอมเข้าไปตรวจสอบภายในเครื่องบินของนายตู้ห่าว แต่กลับใช้วิธีติดประกาศเป็นกระดาษ 3 ใบ โดยไม่ยอมเข้าไปตรวจสอบหรือยึดอายัดตั้งแต่แรก แม้จะมาบอกทีหลังก็ตามว่ายึดแล้ว แต่เรื่องดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในเรื่องยาเสพติด และ ป.ป.ส. มีอำนาจในการตรวจค้น
![](https://www.thereporters.co/wp-content/uploads/2022/12/CoverN-Dec22-043-03.jpg)
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่าการทำงานของหน่วยงานที่เข้าไปตรวจยึดเครื่องบินเป็นหน่วยงานแรก ถือว่าเป็นการทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพหรือเป็นการรู้เห็นกับผู้ต้องหาหรือไม่นั้น นายชูวิทย์ ได้ปฏิเสธที่จะตอบคำถามดังกล่าว และยกข้อมูลภาพถ่ายของสถานที่แห่งหนึ่ง ที่ก่อสร้างอยู่กลางป่า ทั้งยังระบุด้วยว่า ใครไปปลูกอะไรไว้ที่กลางป่าที่ จ.เชียงราย แต่ไม่ใช่การสร้างบ้านหรู หรือบ้านพักวิลล่า เเต่สิ่งนี้เป็นการใช้เงินจากหน่วยงานต่างประเทศ ซึ่งก็คือ สำนักงานว่าด้วยยาเสพติด และอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Office on Drugs and Crime : UNODC) โดยจริงๆต้องมีไว้เพื่อสนับสนุนหน่วยงานยาเสพติดของไทย แต่กลับเอาเงินสนับสนุนเหล่านี้ไปสร้างอะไรไว้กลางป่าสงวน
ส่วนประเด็น 5 เสือสีเทานั้น นายชูวิทย์ กล่าวว่า ถ้าเป็นตามที่นายสันธนะว่า ตนอยากถามว่าถ้าทำมาหากินสุจริตจะกลัวทำไม ก็เพราะว่าไม่สุจริต จึงต้องมีนอมินี และนอมินีมีเพื่ออะไร โดยเฉพาะกรณีนี้ ที่นายตู้ห่าวมีนอมินี คือนางพัชรินทร์ และการกล่าวหานี้ ตนเองมีหลักฐาน 100 % มีเส้นทางการเงิน และเส้นทางการเงินนี่แหละ ที่ทำให้คนตายได้เพราะไม่ระวังตัว มันเชื่อมโยงถึง
นายชูวิทย์ ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า ขอให้ติดตามภาคต่อไป เพราะตนจะออกมาเปิดหลักฐาน ซึ่งจะมุ่งตรงไปที่การขอวีซ่าของกลุ่มทุนจีนสีเทา โดยจะมุ่งไปที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ด้วยว่าเหตุใดจึงขอวีซ่าได้ แต่กลับไม่มีวีซ่าจริงๆ และสาเหตุอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ทำไมจึงมีการสร้างโรงเรียนสอนภาษาจีน มีการก่อตั้งสำนักกฎหมายทนายจีน มีการจัดตั้งสมาคมและมูลนิธิเถื่อน เพราะสิ่งเหล่านี้ มันนำไปหลอกล่อคนจีนว่ามาเมืองไทยซื้อได้ทุกอย่าง
ทั้งนี้ ภายหลังการแถลงข่าว นายชูวิทย์ได้นำกระถางที่ใช้ในการเผาพริกเผาเกลือออกมาจุดไฟด้านนอกเพื่อทำพิธี โดยกล่าวว่า “หากข้าพเจ้านายชูวิทย์ กมลวิษฏ์ แฉเรื่องทุนจีนมีเบื้องหลัง หรือมีคนสั่งการ หากข้าพเจ้ากระทำการโดยไม่สุจริต ขอให้ข้าพเจ้ามีอันเป็นไปใน 3 วัน 7วัน แต่ถ้าใครจะอาศัยผลประโยชน์จากเรื่องนี้ และไปหากินกับกลุ่มทุนจีนสีเทา ขอให้มันไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด ขอให้มันตกนรกหมกไหม้ ขอให้มันตกนรกชั่วกัปชั่วกัลป์ ชั่วฟ้าดินสลาย”
เรื่อง/ภาพ: กิตติธัช วิทยาเดชขจร
![](https://www.thereporters.co/wp-content/uploads/2022/12/CoverN-Dec22-043-04.jpg)