‘ดำรง – นารากร‘ แจ้งความ ผู้ว่าฯ – อดีตผู้ว่า สตง. ละเว้นปฏิบัติหน้าที่-ประมาท ทำให้มีผู้เสียชีวิต
‘ดำรง พุฒตาล – นารากร ติยายน‘ แจ้งความเอาผิด ‘ผู้ว่า สตง. – อดีตผู้ว่า สตง.‘ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่-ประมาท ทำให้มีผู้เสียชีวิตนับร้อย ชี้ สร้างความเสียหายแก่ประเทศ ทำลายภาพลักษณ์ในสายตาต่างชาติ
วันนี้ (2 พ.ค. 68) ที่สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ นายดำรง พุฒตาล พร้อมกับ น.ส.นารากร ติยายน ผู้ประกาศข่าวชื่อดัง เข้าแจ้งความกล่าวโทษ นายมณเฑียร เจริญผล ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และ นายประจักษ์ บุญยัง อดีตผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ซึ่งเป็นผู้ลงนามในสัญญาว่าจ้างก่อสร้างอาคารสำนักงาน สตง.ใหม่ ที่ได้รับอนุมัติงบประมาณจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อปี 2563 ในข้อหา “กระทำการโดยประมาททำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น”
น.ส.นารากร เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเหตุอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่กำลังก่อสร้างพังถล่ม ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ซึ่งเวลาล่วงเลยผ่านมา 35 วัน แม้อาคารหลังนี้จะพังถล่มลงมาหลังจากเหตุแผ่นดินไหว แต่ห้วงเวลาเดียวกันอาคารสูงหลายแห่งในพื้นที่ กทม. ที่กำลังก่อสร้างอยู่ไม่มีอาคารใดเกิดการพังถล่มลงมาเช่นอาคาร สตง.
เหตุการณ์นี้สร้างความเสียหายใหญ่หลวงแก่ประเทศชาติและประชาชนชาวไทย ทั้งงบประมาณแผ่นดินจากภาษีประชาชน ทั้งความไม่ชอบมาพากลในการอนุมัติ และควบคุมการก่อสร้าง มีข้อมูลว่ามีการแก้แบบก่อสร้างโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย ซึ่งเหตุการณ์นี้มีการเผยแพร่ข่าวไปทั่วโลก ทำลายความเชื่อมั่นในภาพลักษณ์เรื่องความปลอดภัยของไทยในสายตาชาวต่างชาติ
น.ส.นารากร กล่าวต่อว่า ตั้งแต่เกิดเรื่อง นายมณเฑียรยังไม่เคยเอ่ยคำขอโทษหรือแสดงความรับผิดชอบใด ๆ ต่อการเสียชีวิตของคนร่วมร้อยชีวิต ทั้ง ๆ ที่ในตำแหน่งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินนายมณเฑียรสามารถบริหารจัดการ และควบคุมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมการก่อสร้างให้ทำหน้าที่อย่างซื่อตรงเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้
จากเหตุการณ์นี้เห็นได้ชัดว่านายมณเฑียร และนายประจักษ์ กระทำการโดยประมาททำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตจำนวนมาก รวมทั้งละเว้นการปฏิบัติหน้าที่อันต้องกระทำเพื่อป้องไม่ให้มีการทุจริตในกิจการทั้งปวงของ สตง. ทั้งนี้ ในฐานะประชาชนผู้พบเห็นว่าอาจมีการกระทำความผิดอาญาแผ่นดินจึงมากล่าวโทษให้พนักงานสอบสวนพิจารณาดำเนินคดีนายมณเฑียร และนายประจักษ์ให้ถึงที่สุดตามพยานหลักฐาน