BANGKOK

รองผู้ว่า กทม. ติดตามการเคลื่อนย้ายซากรถจอดทิ้ง 6 คัน ย่านดุสิต คืนพื้นผิวจราจร-เพิ่มช่องทางเดินรถ

วันนี้ (3 ม.ค. 67) เวลา 08.00 น. นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ติดตามการเคลื่อนย้ายซากยานยนต์ที่จอดทิ้งไว้บริเวณซอยสุโขทัย 1 ถ.สุโขทัย เขตดุสิต ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดที่สำนักงานเขตดุสิตได้รับแจ้งผ่านทาง Traffy Fondue ว่ามีซากยานยนต์จอดทิ้งไว้ จำนวน 4 คัน มีเจ้าของมาเคลื่อนย้ายออกไปแล้ว 1 คัน นอกจากนี้ ยังมีบริเวณหลังกองบัญชาการตำรวจนครบาล ใกล้ป้อมตำรวจ ถ.พิษณุโลก เขตดุสิต จำนวน 3 คัน

นายจักกพันธุ์ กล่าวว่า รถที่จอดไว้บนถนนหรือพื้นที่สาธารณะ หากจอดแล้วเจ้าของปล่อยทิ้งไว้ไม่มีการเคลื่อนย้าย สำนักงานเขตในพื้นที่จะเข้าไปตรวจสอบ หากพบว่าเป็นซากรถที่อยู่ในสภาพไม่สามารถใช้งานได้ จะติดประกาศให้เจ้าของมาเคลื่อนย้ายภายในระยะเวลาที่กำหนด เป็นไปตาม พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 พร้อมทั้งประสานสถานีตำรวจท้องที่ตรวจสอบทางด้านคดี หากครบกำหนดแล้วยังไม่มีเจ้าของมาเคลื่อนย้ายออกไป สำนักงานเขตจะเคลื่อนย้ายซากรถไปเก็บไว้ที่ศูนย์กำจัดมูลฝอยหนองแขม หากไม่มีเจ้าของมาติดต่อจะทำการขายทอดตลาดตามระเบียบของราชการต่อไป

ทั้งนี้ สำนักงานเขตดุสิต ได้สำรวจความเป็นระเบียบเรียบร้อยในพื้นที่ ประกอบกับรับแจ้งผ่าน Traffy Fondue ว่ามีซากยานยนต์จอดทิ้งไว้บริเวณซอยสุโขทัย 1 และบริเวณหลังกองบัญชาการตำรวจนครบาล ใกล้ป้อมตำรวจ ซอยถนนใหญ่ ถนนพิษณุโลก เขตดุสิต โดยเขตฯ ประสานสถานีตำรวจนครบาลท้องที่ตรวจสอบทะเบียนรถและทางด้านคดี พร้อมปิดประกาศให้เคลื่อนย้ายซากยานยนต์ออกจากพื้นที่ภายในระยะเวลา 15 วัน ซึ่งจากการตรวจสอบในส่วนที่เหลือไม่พบเจ้าของหรือผู้ครอบครอง และยังไม่มีผู้ใดมาทำการเคลื่อนย้าย

อย่างไรก็ตาม เขตฯ ร่วมกับสำนักเทศกิจ และกองโรงงานช่างกล สำนักการคลัง ซึ่งให้การสนับสนุนรถสไลด์ เคลื่อนย้ายซากยานยนต์ รวมทั้งสิ้น 6 คัน ไปไว้บริเวณสถานที่เก็บรักษาของกลางเขตหนองแขม โดยกำหนดจัดเก็บซากยานยนต์ไว้เป็นระยะเวลา 6 เดือน หากไม่มีเจ้าของหรือผู้ครอบครองมาติดต่อ จะดำเนินการขายทอดตลาดต่อไป

สำหรับผลการจัดการซากยานยนต์จอดทิ้งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่ปี พ.ศ.2562-2566 ตรวจพบซากยานยนต์ จำนวน 1,399 คัน เจ้าของเคลื่อนย้าย จำนวน 1,164 คัน สำนักงานเขตเคลื่อนย้าย จำนวน 203 คัน และรอเคลื่อนย้าย จำนวน 32 คัน ทั้งนี้ได้เปรียบเทียบปรับไปแล้ว จำนวน 33 คัน รวมเป็นเงิน 60,500 บาท และขายทอดตลาด จำนวน 36 คัน รวมเป็นเงิน 268,000 บาท

Related Posts

Send this to a friend