TECH

เจาะเทคโนโลยีบน iPhone 14 กับความเป็นไปได้ของดีไซน์ ฟีเจอร์ ที่สะท้อนอนาคตของสมาร์ทโฟนในปีนี้

ลือกันมาสักระยะสำหรับ iPhone 14 แต่เราจะไม่มองในแง่ของข่าวลือเท่านั้น แต่มองกันไปถึงเทรนด์เทคโนโลยีที่ Apple จะนำมาใส่ไว้ใน iPhone 14 เพราะที่ผ่านมา ในฐานะผู้สร้างเทรนด์ในสมาร์ทโฟน

ว่ากันด้วยเรื่องของเทคโนโลยีหน้าจอ

ตามข่าวล่าสุด เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2565 คือ Apple จะใช้หน้าจอแบบ OLED กับ iPhone 14 Pro โดยใช้จอรุ่น M12 ที่ผลิตโดย Samsung ซึ่ง Samsung เองก็ไม่ได้นำหน้าจอนี้มาใช้กับ Galaxy S22 Series (ทั้ง Galaxy S22 Ultra และ Galaxy S22 Plus ใช้จอรุ่น M11) โดย iPhone 14 ใช้จอ OLED วัสดุรุ่น Samsung M12 ที่ให้ความคมชัดและให้สีสันที่สดใส แน่นอนว่าใช้จอใหม่กว่า Samsung รุ่นล่าสุดของปีนี้

ว่ากันด้วยเทคโนโลยีจอ ถ้าย้อนกลับไปในปี 2020 Samsung เปิดตัวจอ LTPO เป็นครั้งแรก รองรับ refresh rate ที่หลากหลาย บนจอชนิด OLED ตอนนั้นมือถือก็เริ่มพัฒนา High Refresh Rate แต่ช่วงนั้น iPhone ก็ยังไม่ได้ใช้จอรุ่นใหม่ ด้วยข้อจำกัดในตอนนั้น แถม Apple เองก็ชะลอการใช้จอ ‘ProMotion’ บน iPhone กว่าจะได้ใช้ ก็ถึง iPhone 13 Pro ตอนปลายปี 2021

จอ Samsung รุ่น M12 เป็นจอแบบ OLED น่าจะใช้บน สมาร์ทโฟน Foldable ตระกูล Galaxy ในปีนี้ แต่ iPhone ยังไม่ได้ใช้กับรุ่นที่กำลังจะเปิดตัวอย่าง iPhone SE รุ่นที่ 3 แต่กับ iPhone 14 น่าจะเป็นรุ่นแรกที่ได้ใช้จอรุ่นนี้ โดยใช้กับรุ่น iPhone 14 Pro

สำหรับหน้าจอ LTPS หรือ Low-temperature polycrystalline silicon เคยถูกนำมาใช้กับ iPhone X, iPhone 11 และ iPhone 12 ส่วน iPhone 13 และ iPhone 13 Mini เฉพาะ 2 รุ่นนี้ ก็ใช้จอแบบนี้เช่นกัน แต่ยังคงรองรับเพียงแค่มาตรฐาน Refresh Rate 60Hz ในขณะที่จอ ProMotion ใช้จอบนเทคโนโลยี LPTO (Low Temperature Polycrystalline Oxide) บน iPhone 13 Pro ขึ้นไป รองรับ ProMotion 120Hz ข้อดีของจอ LPTO คือรองรับ Refresh Rate ที่หลากหลาย และยังใช้งานได้แบบไม่ต้องกังวลเรื่องแบตหมดเร็ว เมื่อปรับ High Refresh Rate ส่วนตอนที่ไม่จำเป็นต้องใช้ ก็ปรับ Low Refresh Rate

เปลี่ยนชิปโมเด็ม 5G

น่าจะใช้ชิป 6nm สำหรับโมเด็ม 5G จาก TSMC ดีกว่าชิปโมเด็มของ Qualcomm ที่ใช้บน iPhone รุ่นปัจจุบัน เพราะจัดการพลังงานได้ดีกว่า ลดการใช้แบตเตอรี่ ทำให้แบตเตอรี่อยู่ได้นานขึ้นหากเปิด 5G อันนี้ของจริงคงต้องรอดูกันอีกที

iPhone 14 ได้ RAM เยอะขึ้น

เป็นข่าวดีสำหรับคนใช้ iPhone เลย เพราะแม้มือถือ Android จะได้ RAM 8GB, 12 GB แต่กับ iPhone ยังไม่ได้ใช้ RAM เยอะขนาดนี้ ล่าสุดมีข่าวว่า Apple กำลังวางแผนให้ iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max ได้แรม 8GB ซึ่งถือว่าเยอะมากๆ ในบรรดา iPhone ทุกรุ่น ตั้งแต่เปิดตัวมาเลย เพราะแม้ iPhone 12 Pro และ iPhone 13 Pro ก็ยังได้แรมแค่ 6GB นั่นเป็นเพราะว่า iOS ต้องการแรมน้อยกว่า Android OS

ปรับดีไซน์กล้องหน้า iPhone 14 ไม่มีติ่งบนหน้าจอแบบที่คุ้นเคย แต่ใช้แบบกล้องเจาะรูแนวตัว i แทน ปกติหน้าจอ iPhone จะมีรอยบาก หรือติ่งบนหน้าจอ ใช้เพื่อ Face ID กล้องอินฟราเรด รวมไปถึง Ambient Light Sensor ลำโพง และไมโครโฟน โดยจะปรับเป็นรูป hole + pill (ก็คือรูปทรงเม็ดยา + กล้องเจาะรู) แทนที่จะเป็นวงกลมแบบกล้องหน้าทั่วไป ทำให้ใส่เซ็นเซอร์ได้โดยไม่ต้องมีรอยบากบนกล้องหน้า เฉพาะรุ่น iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max โดยเป็นกล้องอินฟราเรด Face ID ดูคล้ายรูปตัวอักษร i ตัวพิมพ์เล็กแบบแนวนอน

ไม่ได้สแกนนิ้วใต้จอสักที

Apple ใช้ Touch ID มานานมาก หลายๆ คนรอการสแกนนิ้วใต้จอ เพราะลำพังการสแกนใบหน้าผ่าน Face ID อาจจะไม่สะดวกนักในยามที่ใส่หน้ากากอนามัย แม้ว่า iOS รุ่นใหม่จะรองรับแล้วก็ตาม แต่ล่าสุด มีข่าวว่า Apple ยุติการพัฒนาการใช้เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้จอแล้วสำหรับ Touch ID แต่อาจจะมี Touch ID กลับมาในรูปแบบอื่นๆ เช่น อยู่ในส่วนหนึ่งของปุ่ม Power ซึ่งก็อาจจะคล้ายกับบนมือถือ Android

อาจจะมี 4 รุ่น แต่ชื่อต่างจากเดิม

iPhone13 จะมี mini / ธรรมดา / Pro และ Pro Max ส่วน iPhone 14 รุ่น mini จะหายไป แต่เป็นรุ่น iPhone 14 Max ถ้าข่าวนี้เป็นจริง น่าจะเป็นการแห (ว) กกฎของ Apple จากรุ่นก่อนๆ และอาจเป็นไปได้ว่า อาจจะนำจอ LTPS มาใช้กับรุ่นไม่ Pro โดยเฉพาะ iPhone 14 Max

เรียกได้ว่า ทั้งหมดนี้คือเทคโนโลยีบน iPhone 14 ที่ไม่เพียงแค่ การอัปเกรดกล้องดีขึ้น แบตดีขึ้น ชิปดีขึ้น แต่ iPhone 14 คือความสมบูรณ์แบบของการพัฒนา โดยเฉพาะแรมเยอะขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ข่าวที่หลายๆ คนติดตามว่าจะเอาพอร์ต Lightning ออก เปลี่ยนเป็น USB Type-C หรือเปล่า อันนี้ก็ต้องติดตามกันต่อไป แต่อย่างน้อยๆ มาตรฐานของมือถือจะถูกยกระดับขึ้น ตัวอย่างคือ ความแพร่หลายของการใช้งาน 5G ที่แม้ค่ายอื่นจะรองรับ 5G เป็นรุ่นแรกๆ ก็ตาม แต่จำนวนผู้ใช้ iPhone จำนวนมาก ทำให้เทคโนโลยีต่างๆ ได้รับการพัฒนาเพิ่มขึ้นเนื่องจากมีผู้ใช้เยอะขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้ iPhone แต่รอดูกันว่า จอรุ่นใหม่ และจอแบบใหม่ที่นำมาใช้งานนั้น จะมีการจัดการแบตเตอรี่ได้ดีแค่ไหน รวมไปถึง การใช้งานจริง ว่าพอปรับชิป 5G แล้วจะบริหารจัดการกับแบตเตอรี่อย่างไร เราจะได้รู้กันในช่วงเดือนกันยายนปีนี้

Related Posts

Send this to a friend