Xiaomi กำไรพุ่ง รายได้รวม 95.71 พันล้านหยวน รายได้ทั่วโลกเพิ่ม 38.6 พันล้านหยวน กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 71.7%
เสียวหมี่ คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยผลประกอบการครึ่งปีแรก ของปี 2562 สูงเหนือความคาดหมาย อันเป็นผลมาจากแผนยุทธศาสตร์ การผลิตนวัตกรรมสมาร์ทโฟน ที่เชื่อมต่อกับ AIoT (Artificial Intelligence of Things) ครบทั้งการปฏิบัติการอันทรงประสิทธิภาพ และการเพิ่มการป้องกันความเสี่ยง ส่งผลให้รายได้ของกลุ่มบริษัทรวมเพิ่มขึ้น 20.2 % หรือประมาณ 95.71 พันล้านหยวน
ในขณะที่รายได้จากทั่วโลกเพิ่มขึ้น 38.6 พันล้านหยวน ซึ่งคิดเป็นตัวเลขสูงกว่า 40 % ของรายได้รวม โดยมีกำไรหลังการปรับปรุง (Non-IFRS Measure) อยู่ที่ประมาณ 5.72 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 49.8% เมื่อเทียบกับกำไรในปีที่ผ่านมา ในขณะที่ไตรมาสที่สอง รายได้รวมเพิ่มขึ้น 14.8 % หรือประมาณ 1.95 พันล้านหยวน กำไรหลังการปรับปรุง (Non-IFRS Measure) อยู่ที่ประมาณ 3.64 พันล้านหยวน โดยเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง 71.7 % เมื่อเทียบกับปีต่อปี
นายเหลย จวิน ผู้ก่อตั้ง ประธานกรรมการ และซีอีโอของ เสียวหมี่ กล่าวว่า “เนื่องจากความพยายามอย่างไม่หยุดยั้งของเสียวหมี่ ทำให้ธุรกิจของเราเติบโตอย่างเห็นได้ชัด ตั้งแต่ผลกำไรสูงเหนือความคาดหมายและเป็นบริษัทที่มีอายุการก่อตั้งและระยะเวลาในการดำเนินกิจการน้อยที่สุดที่อยู่ในการจัดอันดับ Fortune Global 500 ประจำปี 2562 ด้วย ซึ่งผลการดำเนินงานที่น่าประทับใจดังกล่าว เป็นผลสำเร็จมาจากการพัฒนาสมาร์ทโฟนที่เชื่อมต่อกับ AIoT ที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงโมเดลธุรกิจที่แข็งแรงของเสียวหมี่ ซึ่งเราสัญญาว่าจะเดินหน้าผลักดันงานวิจัยและการลงทุนในการตอบสนองต่อตลาดที่เติบโตของ 5G และ AIoT เพื่อบรรลุเป้าหมายระยะยาวที่บริษัทตั้งไว้”
ในช่วงครึ่งแรกของปี 2562 รายได้รวมของเสียวหมี่ ในเซกเมนต์ตลาดสมาร์ทโฟนอยู่ที่ราว ๆ 5.9 พันล้านหยวน ขณะที่ไตรมาสที่สองเพิ่มสูงขึ้นอยู่ที่ 32 พันล้านหยวน ซึ่งเป็นผลมาจากปริมาณยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สามาร์ทโฟนและการเพิ่มราคาขายโดยเฉลี่ย โดยเว็บไซต์ Canalys จัดอันดับให้เสียวหมี่อยู่ในลำดับที่ 4 เมื่ออิงจากยอดขนส่งสมาร์ทโฟนในไตรมาสที่ 2 ปี 2562
นอกจากนี้กลยุทธ์มัลติแบรนด์ของเสียวหมี่ยังเพิ่มโอกาสการทำกำไร โดยยอดกำไรสุทธิพุ่งสูงขึ้นจาก 3.3% ในไตรมาสแรก ไปอยู่ที่ 8.1% ในไตรมาสสอง ในขณะที่ราคาขายเฉลี่ย (ASP) ของสมาร์ทโฟนในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ และในตลาดต่างประเทศก็ประสบความสำเร็จโตทะลุเป้า ที่ 13.3% และ 6.7% ตามลำดับ โดยสมาร์ทโฟน ราคาสูงกว่า 2,000 หยวน คิดเป็น 32.3% ของรายได้ทั้งหมดในกลุ่มผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟน
ไตรมาสแรกของปี 2562 เสียวหมี่เปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงตระกูล Mi 9 และสมาร์ทโฟนตระกูลRedmi Note 7 ในเวลาต่อมากลุ่มบริษัทเสียวหมี่ก็ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงอีกหนึ่งรุ่นในไตรมาสสอง ได้แก่ สมาร์ทโฟนตระกูล K20 ซึ่งเน้นความคุ้มค่า คุ้มราคา ในไตรมาสสองยอดขายสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่พุ่งขึ้นถึง 32.1 ล้านเครื่อง โดยมียอดขายในตระกูล Redmi Note 7 สูงถึง 20 ล้านเครื่องทั่วโลก ในวันที่ 30 มิถุนายน 2562 นอกจากนี้ยังมียอดจัดส่งสมาร์ทโฟนตระกูล K20 ทั่วโลก แล้วกว่า 1 ล้านเครื่อง หลังจากเปิดตัวได้ภายใน 1 เดือนเท่านั้น
เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2562 เสียวหมี่ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนใหม่ล่าสุดตระกูล CC ซึ่งเป็นที่นิยมในกลุ่มผู้ใช้งานผู้หญิง และถือเป็นการวางรากฐานเพื่อการต่อยอดตลาดในอนาคต นอกจากนี้เสียวหมี่ยังได้เปิดตัวเทคโนโลยีกล้องความละเอียดสูงถึง 64 ล้านพิกเซล ซึ่งอยู่ในสมาร์ทโฟนกลุ่ม Redmi เป็นกลุ่มแรกเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2562 โดยกลุ่มบริษัทฯยังได้ประกาศความร่วมมือกับบริษัท ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อนำเทคโนโลยีเซ็นเซอร์กล้องความละเอียดสูงถึง 100 ล้านพิกเซล มาใช้ก่อนใครเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มสูงขึ้น และยังได้เปิดตัว Mi MIX 3 5G สมาร์ทโฟน 5G ในหลายประเทศที่ยุโรป ส่วนสมาร์ทโฟน 5G รุ่นที่สอง จะเปิดตัวในประเทศจีนในครึ่งปีหลังนี้ เพื่อพัฒนานำระบบ 5G มาใช้ประโยชน์เพิ่มมากยิ่งขึ้น
ธุรกิจต่างประเทศเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะยุโรปตะวันตกมีการเติบโตเร็วที่สุด ภายในครึ่งปีแรก รายได้ของเสียวหมี่ที่ต่างประเทศเติบโตขึ้น 33.8% หรือราว ๆ 38.6 พันล้านหยวน เมื่อเทียบปีต่อปี ซึ่งมากกว่า 40% ของรายได้ทั้งหมดของกลุ่มบริษัท โดยในไตรมาสสอง รายได้จากที่ต่างประเทศเติบโตขึ้นมาอยู่ที่ 33.1% คิดเป็น 21.9 พันล้านหยวน โดยข้อมูลจากเว็ปไซต์ Canalys เผยว่า ยอดการจัดส่งสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่อยู่ใน 5 อันดับแรก ในกว่า 40 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก และข้อมูลจาก IDC เผยว่าเสียวหมี่ติดอันดับ 4 เมื่อคำนวณจากยอดขนส่งในยุโรปตะวันตก แสดงถึงการเติบโตที่เพิ่มขึ้นถึง 53.2% เมื่อเทียบปีต่อปี ซึงเป็นการเติบโตที่รวดเร็วที่สุดในตลาด นอกจากนี้ข้อมูลในไตรมาสสอง ของปี 2562 ยังแสดงว่าสมาร์ทโฟนเสียวหมี่ครองอันดับ 1 ในประเทศอินเดียติดต่อกันนานถึง 8 ไตรมาส ในส่วนของสมาร์ททีวีเสียวหมี่เองก็ยังคงครองอันดับ 1 ในประเทศอินเดียติดต่อกัน 5 ไตรมาสอีกด้วย
นอกจากนี้เสียวหมี่ยังมุ่งมั่นในการสร้างและขยายช่องทางการขายปลีกทั่วโลก โดยข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2562 เสียวหมี่ มีการจดทะเบียนร้าน Mi Home แล้วกว่า 520 สาขาในต่างประเทศ หรือคิดเป็นอัตราเติบโตถึง 92.6% เมื่อเทียบปีต่อปี โดยมีถึง 79 สาขาในประเทศอินเดีย ซึ่งปัจจุบันมี Mi Store ในประเทศอินเดียมากถึง 1,790 สาขา
ขอบคุณภาพประกอบ: Photo by Mateusz Tworuszka