TECH

เดลล์ เทคโนโลยีส์ เผยวิสัยทัศน์ 2024

ชี้เอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น พร้อมนำ AI มาปรับใช้หลายรูปแบบ ขณะที่ Zero Trust จะเริ่มใช้เป็นวงกว้าง

เดลล์ เทคโนโลยีส์ เผยวิสัยทัศน์ 2024 ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น (APJ) ชี้เทรนด์ใหม่ที่จะเข้ามาเปลี่ยนรูปอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสำหรับปี 2024 และปีต่อ ๆ ไป ทั้ง GenAI ซึ่งจะเปลี่ยนจากการปฏิรูป สู่การสร้างประสิทธิภาพโดยสมบูรณ์ แนวทาง ‘แพลตฟอร์มเอดจ์’ จะเป็นที่นิยมมากขึ้น และโครงสร้างพื้นฐานแบบ Zero Trust ที่จะกลายเป็นจริง และมีการบังคับใช้ในปี 2024 เป็นวงกว้าง

จอห์น โรส ประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยีสารสนเทศระดับโลกของเดลล์ กล่าวว่า AI เป็นศูนย์กลางของจักรวาล เอดจ์ หรือส่วนที่อยู่รอบจักรวาล คือแนวทางที่ช่วยสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจ ส่วน Zero Trust คือแนวทางที่ใช้รักษาความปลอดภัย และท้ายที่สุด ควอนตัม จะเป็นสิ่งที่สร้างขุมพลังด้านสมรรถนะ และให้ประสิทธิภาพในระยะยาว ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการขยายระบบไปสู่ระดับโลก

จอห์น โรส กล่าวว่า GenAI ช่วยจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ในการปฏิรูปธุรกิจและเปลี่ยนโลกได้มากมาย แต่มีกิจกรรม GenAI ที่ขยายผลสู่การใช้งานจริงน้อยมาก ขณะที่เรากำลังก้าวสู่ปี 2024 จะเห็นคลื่นลูกแรกของโปรเจกต์ GenAI ในระดับเอนเทอร์ไพรส์ ที่มีความสมบูรณ์ ซึ่งจะเผยให้เห็นมิติสำคัญของ GenAI

ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น เห็นถึงโอกาสการเติบโตที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วในการนำ AI มาปรับใช้ เนื่องจากการเปิดกว้างในการนำเทคโนโลยีมาใช้งานทั่วไป อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนเรื่องการนำ AI มาใช้ในองค์กร ซึ่ง ปีเตอร์ มาร์ส ประธานภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น เน้นว่า ด้วยความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม ทำให้ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นอยู่ในตําแหน่งที่แข็งแกร่งและมีศักยภาพความพร้อมในการนํา AI มาปรับใช้งานได้หลากหลายรูปแบบและสร้างผลกระทบสำคัญได้

ทั้งนี้ จอห์น โรส ตั้งข้อสังเกตว่า ควอนตัม คอมพิวติ้งจะเข้ามาแก้ปัญหาเรื่องความต้องการทรัพยากรการประมวลผลขนาดมหาศาลที่จําเป็นสําหรับโครงการ GenAI และ AI ที่มีขนาดใหญ่ พร้อมคาดการณ์ว่าควอนตัม คอมพิวติ้ง จะนํามาซึ่งการก้าวกระโดดขนานใหญ่ เรื่องความสามารถของระบบ AI นอกจากนี้ รากฐานการคํานวณของ AI ที่ทันสมัย จะกลายเป็นระบบควอนตัมแบบไฮบริด ที่ AI จะกระจายการทำงานอยู่ทั่วสถาปัตยกรรมการประมวลผลที่หลากหลาย รวมถึงหน่วยประมวลผลแบบควอนตัม

จอห์น โรส ชี้ว่า องค์กรเอนเทอร์ไพรส์จะตระหนักว่าการสร้างเอดจ์ยุคใหม่ มีอยู่ 2 แนวทาง ได้แก่ การขยายการใช้งาน mono-edge ซึ่งเป็นระบบเอดจ์แบบผู้ให้บริการเดียว หรือในรูปของแพลตฟอร์มเอดจ์แบบมัลติ-คลาวด์ การเลือกแนวทางอย่างหลัง ด้วยการนำแพลตฟอร์มเอดจ์มาใช้ จะทำให้ระบบเอดจ์ยุคใหม่กลายเป็นส่วนขยายของโครงสร้างพื้นฐานมัลติ-คลาวด์ คือแนวทางที่มุ่งไปสู่อนาคต

สำหรับประเด็นเกี่ยวกับ Zero Trust ปีเตอร์ มาร์ส กล่าวว่า การจัดการข้อมูลกลายเป็นสิ่งที่สำคัญมากขึ้นในการปกป้องอนาคตดิจิทัลของภูมิภาค APJ ให้ปลอดภัย และการขยายตัวของภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นจะทำให้การพัฒนาโครงสร้างและการบังคับใช้ Zero Trust มีความสำคัญยิ่งขึ้น

ขณะที่ จอห์น โรส เปิดเผยว่า โครงการ Fort Zero ของเดลล์จะเปิดตัวสู่ตลาดในปี 2024 ในฐานะระบบไพรเวทคลาวด์เชิงพาณิชย์ ระบบแรกในอุตสาหกรรมที่มาพร้อมความสามารถ Zero Trust แบบจัดเต็ม ที่จะช่วยกรุยทางสำหรับการนำ Zero Trust มาใช้ได้ครอบคลุมทั่วทุกอุตสาหกรรม

ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและการเติบโตของเทคโนโลยีดิจิทัลใน APJ ทำให้ภาพรวมของภูมิภาคนี้ มีความพร้อมอย่างมากสำหรับการพัฒนาเทคโนโลยีเกิดใหม่ โดย ปีเตอร์ มาร์ส เน้นว่าแนวทางด้านระบบนิเวศจะช่วยให้อุตสาหกรรมมีการเรียนรู้ร่วมกันถึงแนวทางการปฏิบัติที่ดีที่สุดในการประยุกต์และควบคุมการใช้เทคโนโลยีได้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อสร้างแรงกระเพื่อมที่ใหญ่ขึ้นสำหรับธุรกิจ และชุมชนใน APJ

“นี่คือเหตุผลที่เราจำเป็นต้องสร้างความร่วมมือเพื่อให้เกิดความเป็นเอกภาพทางดิจิทัล สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเราร่วมมือกันทํางาน จึงจะทําทำให้แนวคิดที่ขับเคลื่อนด้วยพลังของดิจิทัลเหล่านี้เป็นจริงขึ้นมาได้ เดลล์คือผู้หลอมรวมชั้นแนวหน้าของเทคโนโลยีเหล่านี้ และสร้างโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจ ด้วยการนำความเชี่ยวชาญ โซลูชัน รวมถึงพันธมิตรมารวมอยู่ด้วยกันเพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถสร้างอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลได้” ปีเตอร์ มาร์ส กล่าว

Related Posts

Send this to a friend