ทรู-ดีแทค เผย ควบรวมกิจการ เพราะธุรกิจเริ่มมีข้อจำกัด เดินหน้าผันตัวสู่เทคคอมปานี

วันนี้ (22 พ.ย.64) หลังจากที่ช่วงเช้า บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)  แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เกี่ยวกับการศึกษาความเป็นไปได้ในการควบกิจการกับ บริษัท โทเทิ่ลทิ่ล แอ็คเซ็สซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ล่าสุดเมื่อเวลา 13.00 น. กลุ่มทรู และดีแทค จัดแถลงข่าว “EQUAL PARTNERSHIP FOR THAILAND’S DIGITAL TRANSFORMATION”

 โดยนายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ และ ประธานกรรมการ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ความร่วมมือกับเทเลนอร์ จะนำไปสู่การแข่งขันระดับประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับโลก ขั้นต่อไปจะร่วมทุนระหว่างภาครัฐ และเอกชนในลักษณะ PPP (Public Private Partnership) โดยให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ เพื่อขับเคลื่อนไทยเข้าสู่ยุคดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น

สาเหตุของความร่วมมือ เกิดจากที่ไทยกำลังเข้าสู่การเปลี่ยนผ่านจากยุค 4.0 ไปยัง 5.0 กล่าวคือ เทคโนโลยีจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต แต่บริษัทโทรคมนาคมทั้งทรู และดีแทคมีข้อจำกัดทางธุรกิจคือ ไม่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผู้บริโภคได้ จึงต้องสร้างบทบาทใหม่ เข้าไปมีส่วนร่วมในการสร้างเทคโนโลยี ส่งเสริมการลงทุนในเทคสตาร์ทอัพ ปฏิรูปเศรษฐกิจอุตสาหกรรม โรงเรียนวิทยาศาสตร์ และสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ

ความร่วมมือครั้งนี้มีเป้าหมายที่จะสร้างอีโคซิสิสเต็มด้านการลงทุนด้านดิจิทัลมิเดียแพลตฟอร์ม คลาวด์เทคโนโลยี และเร่งศึกษาด้านเทคโนโลยีอวกาศ (Space Technology) โดยจะจัดตั้งกองทุนประมาณ 200 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการ เทคสตาร์ตอัพไทย และเทคสตาร์ตอัพที่ตั้งอยู่ในไทย เพื่อขับเคลื่อนให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีระดับภูมิภาคและระดับโลกในอนาคต
 
นายซิคเว เบรกเก้ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มเทเลนอร์ กล่าวว่า ตลอด 20 ปีที่ผ่านมาเทเลนอร์ประสบความสำเร็จในฐานะผู้ให้บริการเครือข่ายสัญญาณสื่อสาร ในนาม “ดีแทค” แต่ไม่เพียงพอที่จะช่วยให้เติบโตในโลกดิจิทัล โดยเฉพาะภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีศักยภาพที่จะเป็นหนึ่งในภูมิภาคชั้นนำระดับโลกด้านดิจิทัล 

คาดการณ์ว่า การควบรวมกิจการนี้จะสร้างรายได้ให้กับธุรกิจมากกว่า 2.17 แสนล้านบาท และมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่เพิ่มขึ้น โดยหลังจากประกาศความร่วมมือแล้ว ดีแทคและทรูจะเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบสถานะทางธุรกิจ ก่อนที่จะมีการลงนามความร่วมมืออย่างเป็นทางการ คาดว่าจะมีขึ้นภายในปี 2565 และเข้าสู่ขั้นตอนการพิจารณาตามกฎหมายต่อไป โดยระหว่างนี้ดีแทคและทรูจะยังคงให้บริการลูกค้าตามปกติ

“การร่วมมือครั้งนี้จะไม่มีใครได้เปรียบหรือเสียเปรียบ เพราะทั้งสองฝ่ายจะนำส่วนที่ดีที่สุดมาส่งเสริมสนับสนุนซึ่งกันและกัน”