ทีมวิจัย มจธ. โชว์เทคโนโลยีอนุรักษ์โบราณสถาน พร้อมขยายผลพัฒนาฐานข้อมูลดิจิทัลให้รัฐและเอกชน
ทีมวิจัย มจธ. โชว์ผลงานเทคโนโลยีอนุรักษ์โบราณสถาน โดยใช้ความรู้ทางวิศวกรรมและการเก็บข้อมูลดิจิทัล 3 มิติ เพื่อตรวจสอบโครงสร้างพื้นฐาน รักษามรดกทางวัฒนธรรมของชาติ พร้อมขยายผลพัฒนาฐานข้อมูลดิจิทัลในสถานที่สำคัญให้กับหน่วยงานรัฐและเอกชน
รศ.ดร.สุทัศน์ ลีลาทวีวัฒน์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีโลยีพระจอมเกล้า เปิดเผยถึงการนำผลงานวิจัยมาร่วมจัดแสดงในงานมหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2566 ว่าโครงการนี้เป็นได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) กองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) และทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา การวิจัยและการสร้างนวัตกรรม (บพค.) รวมถึงสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เพื่อพัฒนากระบวนการประยุกต์ใช้องค์ความรู้ทางวิศวกรรมร่วมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อจัดทำข้อมูลดิจิทัล 3 มิติสำหรับการตรวจสอบโครงสร้างพื้นฐานและการอนุรักษ์โบราณสถาน
ผลงานวิจัยนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อการประเมินและติดตามสภาพโครงสร้างพื้นฐาน โบราณสถาน และอาคารสำคัญต่าง ๆ อีกทั้งยังได้รับการยอมรับและนำไปใช้กับหน่วยงานสำคัญต่าง ๆ อาทิ กรมศิลปากร กรมโยธาธิการและผังเมือง วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย องค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) นอกจากนี้ ทีมวิจัยได้ยื่นขอสิทธิบัตร กระบวนการประเมินแรงดึงในสายเคเบิ้ลขนาดใหญ่โดยอาศัยเทคโนโลยีการสแกนวัตถุสามมิติด้วยแสงเลเซอร์ เลขที่คำขอ 2101003678
รศ.ดร.ชัยณรงค์ อธิสกุล เปิดเผยว่า โครงการการดังกล่าว ทีมวิจัยได้พัฒนาฐานข้อมูลดิจิทัลและองค์ความรู้สำหรับการประเมินทางวิศวกรรมและติดตามสภาพเจดีย์ของไทย โดยมีกรณีศึกษาประกอบด้วย เจดีย์วัดราชบูรณะ วัดพระราม วัดกระจี และวัดหลังคาขาว ซึ่งตั้งอยู่ในเขตอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา รวมถึงผลิตสื่อวีดิทัศน์เผยแพร่องค์ความรู้เบื้องต้นที่ได้จากการวิจัย เพื่อสื่อสารให้กับเยาวชนคนรุ่นใหม่และผู้ที่สนใจรับรู้ถึงเทคโนโลยีและวิธีการสมัยใหม่ในการอนุรักษ์โบราณสถานให้ถูกต้องตามหลักวิศวกรรม
นอกจากนี้ ทีมวิจัยยังขยายผลการใช้เทคโนโลยีในการเก็บข้อมูลภาพกลุ่มจุดสามมิติวัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม สะพานพระราม 9 อาคารหอรัชมงคล สวนหลวง ร.9 การตรวจสอบประเมินแรงดึงเคเบิ้ลและโครงหลังคาอาคารไบเทค เป็นต้น ตลอดจนการร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ในการตรวจสอบประเมินอาคารสำคัญของประเทศอีกหลายแห่ง
“ผลงานเหล่านี้ถือเป็นความภาคภูมิใจของทีมวิจัยอย่างมากที่ได้นำองค์ความรู้และเทคโนโลยีที่เราพัฒนาขึ้นมาประยุกต์ใช้กับงานเก็บข้อมูลและประเมินโครงสร้าง ซึ่งจะเป็นหนทางหนึ่งในการช่วยอนุรักษ์โบราณสถานอันเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศ รวมถึงขยายผลต่อยอดไปยังสถานที่สำคัญของประเทศได้อีกมากมาย” รศ.ดร.สุทัศน์ กล่าวทิ้งท้าย