ไพร์ม โซลูชั่น ปรับกลยุทธ์ ปี 66 เน้นโฟกัสงานด้านบริการ และเจาะกลุ่มใหม่
นายมาดี สุธัมมะ ซีอีโอและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพร์ม โซลูชั่น แอนด์ เซอร์วิส จำกัด หรือ ไพร์ม โซลูชั่น เจ้าของธุรกิจด้านการออกแบบ และวางระบบโครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT Infrastructure Solution Provider) ที่ให้บริการครบวงจร ล่าสุดประกาศปรับกลยุทธ์ ปี 66 เน้นโฟกัสงานด้านบริการ และเจาะกลุ่มใหม่สู่ SME ชูช่องทางเด่นขายผ่านหน้าร้าน Com7 เพื่อตอบรับกระแส การทำตลาดซอฟต์แวร์ผ่านคลาวด์
นายมาดี กล่าวว่า “กลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจของไพร์ม โซลูชั่น ในปี 2566 มีการปรับฐานตลาดครั้งใหญ่ จากเดิมที่เคยเน้นเฉพาะงานด้านเอสไอ หรือการรวบรวมและอิมพลีเมนต์ระบบ แต่นับจากนี้ไปจะขยายไปสู่งานบริการให้มากขึ้นด้วย และพร้อมที่จะผลักดันให้เป็นธุรกิจหลักในอนาคตปัจจุบันงานบริการประกอบไปด้วย การให้บริการซอฟต์แวร์ผ่านระบบคลาวด์ การพัฒนาแอพพลิเคชันที่ตอบโจทย์ ความต้องการของลูกค้ารายนั้นๆ ตลอดจนการนำเสนอนวัตกรรม ที่จะเข้าไปช่วยยกระดับงาน หรือบริการของลูกค้าให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ยกตัวอย่างเช่น บริการซอฟต์แวร์พร้อมใช้ หรือ SaaS ด้าน PDPA ซอฟต์แวร์และบริการด้านสมาร์ทซิตี้ สมาร์ทเฮลธ์แคร์ และสมาร์ทเวอร์กิ้งสเปส อีกทั้งเตรียมนำเสนอบริการ ด้านการยืนยันตัวตนด้วยใบหน้า (Face Authentication) ซึ่งมีระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการวิเคราะห์ นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะขยายงานบริการ บนระบบคลาวด์อย่างต่อเนื่อง ทั้งในรูปแบบสร้างนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ และในรูปแบบการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรด้วย จากความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรม จนออกมาเป็นโซลูชันเพื่อนำมาให้บริการ แก่ลูกค้าในช่วงกว่า 3 ปีที่ผ่านมา ปีนี้จึงนับว่าไพร์ม โซลูชั่น มีความพร้อมอย่างเต็มที่ ที่จะผลักดันการให้บริการซอฟต์แวร์บนคลาวด์ อีกทั้งยังเป็นช่วงเวลาที่ดีอย่างยิ่ง เนื่องจากธุรกิจต่างๆ ฟื้นตัวอย่างเต็มที่จากสถานการณ์โควิด”
ขณะเดียวกัน ไพร์ม โซลูชั่น ยังได้วางจำหน่ายซอฟต์แวร์ด้าน PDPA (พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล) ผ่านหน้าร้าน Com7 ซึ่งได้เปิดตัวไปเมื่อ 22 ธันวาคมที่ผ่านมา นับว่าเป็นการเปิดตัวสู่ตลาด SME เป็นครั้งแรกของ ไพร์ม โซลูชั่น เนื่องจากการดำเนินธุรกิจที่ผ่านมา ไพร์ม โซลูชั่น มีฐานลูกค้าหลักอยู่ในกลุ่มหน่วยงานรัฐเป็นหลัก
ส่วนการตั้งเป้าปี 66 นั้นคาดว่าธุรกิจจะโต 20% จากกลยุทธ์การเพิ่มฐานตลาดไปสู่ธุรกิจขนาด SME ซึ่งเป็นกลุ่มใหม่ เชื่อว่าจะเป็นแรงหนุนให้เกิดการเติบโตราว 15-20% ในปี 2566 จากเดิมที่มีฐานลูกค้า ที่ดำเนินโครงการในกลุ่มภาครัฐ ต่อเนื่องจากปีก่อนอยู่แล้ว แม้ว่าที่ผ่านมาธุรกิจด้านบริการจะมีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 5% แต่ปีนี้คาดว่าจะมีสัดส่วนมาจาก งานด้านบริการเพิ่มเป็น 20% และกลายเป็น 30% ในอีก 2 ปีถัดไป โดยมีปัจจัยจากการที่ ไพร์ม โซลูชั่น ได้เป็นพันธมิตรทางธุรกิจ (Exclusive Partner) กับนวัตกรรมด้านการยืนยันตัวตน ด้วยใบหน้าซึ่งมีระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการวิเคราะห์ หรือ Face Authentication แบรนด์ดัง “เมทสคัวร์” (Metsakuur) จากประเทศเกาหลีที่ได้รับรางวัลระดับชาติ
สำหรับแนวโน้มด้านเทคโนโลยีที่มาแรงในปี 2566 นั้น เนื่องจากประเทศไทย อยู่ในยุคการปฏิรูปไปสู่ดิจิทัล หรือ Digital Transformation ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ตลอดจนเอกชนรายใหญ่ไปถึงรายย่อย ทุกองค์กรต่างปรับตัวครั้งใหญ่ ทำให้การพัฒนาทุกๆ ด้านมุ่งสู่ดิจิทัลเพื่อยกระดับประสิทธิภาพ สร้างความแข็งแกร่ง รวดเร็ว และเพื่อให้ธุรกิจสามารถตอบสนอง ลูกค้าได้อย่างทันท่วงที ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรของคนที่เปลี่ยนแปลงไป
ในมุมมองของไพร์ม โซลูชั่น เล็งเห็นแนวโน้มเทคโนโลยี ที่มาแรงในปี 2566 มี 3 ด้าน ดังนี้
1.ปัญญาประดิษฐ์และระบบอัตโนมัติ (AI and Automation) ปัญญาประดิษฐ์ที่อยู่ในอุปกรณ์การใช้งานด้านต่างๆ จะถูกเชื่อมโยงให้สามารถทำงานร่วมกันได้ จากเดิมที่แยกกันอย่างชัดเจน ดังเช่น เอไอในระบบล็อคประตูบ้าน โทรศัพท์มือถือ กล้องวงจรปิด เครื่องปรับอากาศ ระบบควบคุมการเข้าสู่พื้นที่ ระบบออฟฟิศอัจฉริยะ ระบบบิ๊กดาต้า ระบบ KYC โดยในปีนี้จะได้เห็นเอไอในระบบต่างๆ แลกเปลี่ยนข้อมูลกันและทำงานร่วมกันมากขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ การมองเห็นในภาพรวมเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพ ในการวิเคราะห์เชิงลึกมากขึ้น
2.การบูรณาการข้อมูล (From Data Integration to Data Governance)
นับจากนี้ทุกฝ่ายในองค์กรจำเป็น จะต้องมุ่งสู่การบูรณาการข้อมูล เพื่อให้การแลกเปลี่ยนใช้งานข้อมูลร่วมกันในทุกฝ่ายทำได้อย่างราบรื่น โดยต้องมีข้อมูลที่ถูกต้อง อัพเดต มีรูปแบบที่สามารถแลกเปลี่ยนกันได้ พร้อมที่จะเชื่อมโยงกัน และตรวจสอบได้ ซึ่งจะเป็นพื้นฐานที่จะนำไปสู่การสร้างธรรมาภิบาลข้อมูลให้แก่องค์กรในที่สุด
3.ความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ (Zero trust is a Cybersecurity strategy) จะเป็นกลยุทธ์หลักด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ เนื่องจากปัจจุบันไม่มีความปลอดภัยที่แท้จริง บนโลกของไซเบอร์ จึงไม่สามารถปล่อยให้เข้าสู่ระบบ โดยละเลยการตรวจสอบ ไม่กำหนดขอบเขตสิทธิในการใช้งานแต่ละระบบเท่าที่จำเป็น และถือการกระทำที่ไม่ได้รับอนุญาตเป็นการละเมิดได้ ซึ่งแตกต่างเป็นอย่างมากจากโครงสร้างในปัจจุบัน จำเป็นต้องเริ่มต้นสร้างความตระหนัก อบรมให้ความรู้แก่พนักงาน และควรปรับปรุงระบบโครงสร้างพื้นฐาน ระบบสารสนเทศให้สอดรับกับโครงสร้าง แบบซีโร่ทรัสต์ดังกล่าว