SOCIAL RESPONSIBILITY

มูลนิธิ วิชัย ศรีวัฒนประภา มอบตู้อบเด็กทารกแรกเกิดให้กับโรงพยาบาลต่างๆ ในพื้นที่ห่างไกลทั่วประเทศ

การคลอดก่อนกำหนด เป็นหนึ่งในปัญหาที่เกิดขึ้น และเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตของทารกถึง 72% ในภูมิภาคอาเซียน แม้แต่ในประเทศไทยเอง ก็มีสถิติทารกคลอดก่อนกำหนดถึงปีละ 100,000 คน โดยส่วนหนึ่งที่สามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ อาจจะได้รับการตรวจเพื่อป้องกัน หรือการดูแลที่เหมาะสมภายหลังการคลอด และลดโอกาสสูญเสียได้ แต่ในโรงพยาบาลที่อยู่ห่างไกล ขาดบุคลากรทางการแพทย์ และอุปกรณ์ที่เพียงพอ ทำให้ปัญหาเด็กเสียชีวิตจากการคลอดก่อนกำหนดยังคงเป็นปัญหาใหญ่ปัญหาหนึ่งในปัจจุบัน

 

นพสิทธิ์ โชติสถิตย์โภคิน รองผู้อำนวยการด้านการพยาบาล โรงพยาบาลแก่งกระจาน เล่าว่า โรงพยาบาลแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี เป็นโรงพยาบาลขนาด 30 เตียง ที่มีแพทย์ประจำ 4 คน ต้องรับผิดชอบประชากรประมาณ 30,000 กว่าคน คือหนึ่งในโรงพยาบาลที่เคยผ่านช่วงนาทีชีวิตเพื่อกู้ชีวิตทารกคลอดก่อนกำหนดมาแล้ว ทุกครั้งที่พบว่าทารกคลอดก่อนกำหนดแล้วเกิดปัญหา เพื่อยื้อชีวิตทารกน้อยที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคและการเสียชีวิต เนื่องจากอวัยวะระบบต่างๆ ยังทำงานได้ไม่สมบูรณ์ ทางโรงพยาบาลต้องส่งต่อทารกน้อยไปโรงพยาบาลพระจอมเกล้า ซึ่งเป็นโรงพยาบาลประจำจังหวัด เพราะมีเครื่องมือและแพทย์เฉพาะทางอย่างกุมารแพทย์ดูแล

ตู้อบเด็กทารกแรกเกิดที่ได้มาตรฐานจะช่วยให้การเคลื่อนย้ายเด็กทำได้สะดวกและปลอดภัยขึ้น

“ในการนำทารกที่คลอดก่อนกำหนดส่งต่อไปยังโรงพยาบาลประจำจังหวัดนั้น ทางโรงพยาบาลแก่งกระจานต้องเตรียมถุงถั่วเขียวสำหรับรักษาอุณหภูมิไม่ให้ต่ำกว่า 36.5 องศาเซลเซียส โดยนำถุงถั่วเขียวไปเข้าไมโครเวฟ 1 นาที แล้วนำมารองไว้ด้านล่างของเตียงทารก นำผ้ามาปูทับอีกชั้น จากนั้นนำผ้าห่อตัวเด็กแล้วย้ายมาไว้ที่เตียง แล้วจึงนำขึ้นรถพยาบาล พร้อมพยาบาลอีก 2 คน เพื่อเดินทางไปโรงพยาบาลพระจอมเกล้า ซึ่งอยู่ห่างไป 50 กิโลเมตร ระยะเวลาประมาณ 45 นาที” นพสิทธิ์ เล่า

ปัญหาหลักที่พบ คือการใช้ถุงถั่วเขียวเพื่อรักษาอุณหภูมิทารกนั้นไม่สามารถให้ความร้อนที่สม่ำเสมอ ที่สำคัญ ยังไม่สามารถควบคุมความร้อนได้ดี อาจทำให้ผิวหนังของทารกไหม้ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ในการเดินทางแต่ละครั้ง พยาบาล 2 คนต้องช่วยกันประคับประคองเตียงของทารกไม่ให้ลื่นไถลขณะรถขับไปยังจุดหมาย เพราะด้วยความที่เตียงไม่ได้ออกแบบมาโดยเฉพาะและไม่มีระบบล็อก จึงอาจทำให้เกิดอาการบาดเจ็บได้ทั้งทารกและพยาบาลที่พาไป

“ที่ผ่านมา เราเล็งเห็นถึงความสำคัญของการมีตู้อบเด็กทารกแรกเกิด แต่เมื่อเทียบกับความจำเป็นอื่นๆ ในโรงพยาบาล ก็จำเป็นต้องนำงบประมาณไปจัดสรรในส่วนอื่นก่อน บวกกับปัจจุบันเทคโนโลยีก็ดีขึ้น สามารถตรวจสุขภาพคุณแม่ได้แม่นยำยิ่งขึ้น แต่แก่งกระจานก็ยังเป็นพื้นที่เฝ้าระวังที่มีชนกลุ่มน้อย มีคุณแม่อายุน้อยอยู่มาก ทำให้ปัญหาทารกแรกเกิดยังคงมีอยู่” รอง ผอ.โรงพยาบาลแก่งกระจานกล่าว

เอมอร ศรีวัฒนประภา เดินทางไปมอบตู้อบเด็กทารกแรกเกิดให้กับโรงพยาบาลแก่งกระจานด้วยตัวเอง

นพสิทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การที่มูลนิธิ วิชัย ศรีวัฒนประภา เล็งเห็นถึงความสำคัญของความเสี่ยงที่จะเกิดกับทารกแรกเกิด จึงถือเป็นเรื่องที่น่าดีใจ เพราะไม่เช่นนั้นโรงพยาบาลแก่งกระจานคงไม่มีตู้อบเด็กทารกแรกเกิดแบบเคลื่อนที่ได้ เพื่อช่วยเหลือชีวิตน้อยๆ โดยตู้อบเด็กแรกเกิดที่มูลนิธิ วิชัย ศรีวัฒนประภา มอบให้เป็นตู้แบบใหม่ได้มาตรฐาน มีระบบล้อเป็นล้อเลื่อน แล้วก็มีระบบล็อกล้อ ดังนั้นเวลาเข็นขึ้นไปอยู่บนรถ ระบบล็อกล้อก็จะทำงานทันที เวลารถเบรกหรือเลี้ยว ตู้อบจะไม่ไถล นอกจากนั้นอุณหภูมิในตู้ยังคงที่ พยาบาลที่ไปกับทารกจะเห็นการเคลื่อนไหวและการหายใจของเด็กตลอดเวลา ในฐานะที่ทำงานอยู่ในพื้นที่แก่งกระจานมากว่า 20 ปี นพสิทธิ์เผยว่า เห็นความทุกข์ยากของคนในพื้นที่มาตลอด แต่ทุกครั้งที่ก้าวผ่านพ้นอุปสรรคมาได้ ก็ด้วยพลังคนไทยที่ช่วยเหลือมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นอาหาร เครื่องนุ่งห่ม เงินสำหรับซ่อมแซมบ้านพักอาศัย เรียกว่าพลังคนไทยช่วยเหลือชาวแก่งกระจาน

“โดยส่วนตัวผมเชื่อในพลังคนไทย เป็นสิ่งที่สำคัญมาก และพลังคนไทยนี่เองเป็นสิ่งที่สร้างความสุขให้กับคนไทยมาตลอด ครั้งนี้ก็เช่นกัน” นพสิทธิ์ กล่าวในตอนท้าย

มูลนิธิ วิชัย ศรีวัฒนประภา ได้ร่วมส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับทารกแรกเกิดด้วยการมอบตู้อบเด็กทารกแรกเกิดให้กับโรงพยาบาลต่างๆ ในพื้นที่ห่างไกลทั่วประเทศ จำนวน 20 แห่ง คิดเป็นมูลค่ารวม 7,696,510 บาท

Related Posts

Send this to a friend