ปลัด สธ.แจง ผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มขึ้นตามคาด
ปลัด สธ.แจง ผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มตามคาด สั่งทุก รพ.เปิดจุดฉีดวัคซีน – จัดรถโมบายลงพื้นที่ฉีดกลุ่มเสี่ยง
วันนี้ (25 พ.ย. 65) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ขณะนี้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ส่วนผู้ป่วยเข้ารักษาในโรงพยาบาล อยู่ที่ 10-20% ขณะที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตไม่มากนัก เฉลี่ยไม่เกิน 10 รายต่อวัน แต่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จึงยังต้องติดตามใกล้ชิด
นพ.โอภาส ยังกล่าวถึงผลการประชุมร่วมกับผู้อำนวยการโรงพยาบาลทั่วประเทศ ว่า แต่ละแห่งยังรองรับสถานการณ์ได้ แม้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น เนื่องจากส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง รักษาแบบผู้ป่วยนอก แพทย์ให้ยาไปรักษาตามที่วินิจฉัย ส่วนการรักษาในโรงพยาบาลที่ต้องใช้เตียง ไอซียู เครื่องช่วยหายใจ ผู้ป่วยยังไม่เพิ่มแบบมีนัยสำคัญจนต้องเพิ่มมาตรการ
นพ.โอภาส กล่าวถึงการระบาดในรอบนี้ ว่า ทุกอย่างยังเป็นไปตามที่คาดการณ์ เป็นลักษณะของ Small Wave มีผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเพิ่มขึ้นตามวงรอบ คือ ช่วง พ.ย. และธ.ค. โดยหลังปีใหม่จะค่อยๆ ลดลง แต่ต้องดูเหตุการณ์จริงอีกครั้ง โดยสถานการณ์การติดเชื้อ มีความสัมพัน์กับการเข้ารับวัคซีน เมื่อติดเชื้อน้อยลง คนก็มาฉีดน้อยลง เมื่อผู้ติดเชื้อมากขึ้น ก็มาฉีดมากขึ้น ทำให้ช่วงนี้ก็มีคนเข้ามารับวัคซีนมากขึ้น
นพ.โอภาส กล่าวว่า ได้กำชับให้แต่ละโรงพยาบาลกำหนดเป้าหมายการฉีดวัคซีนระยะนี้อย่างจริงจัง และทอนเป้าหมายเป็นรายจังหวัด ติดตามอย่างต่อเนื่อง โดยให้ทุกโรงพยาบาลในสังกัดประทรวงฯ จัดจุดบริการฉีดวัคซีนโควิดตามเหมาะสม บางแห่งอาจกำหนดวันฉีดเพื่อให้ประชาชนมารับบริการอย่างสะดวก แต่หากเข้ามาแบบวอล์กอิน ก็ให้ฉีดประชาชนที่มารับบริการด้วย ดีกว่าให้กลับบ้านไปโดยไม่ได้ฉีดวัคซีน เพราะคนที่เสียชีวิต ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเสี่ยงที่ไม่ได้เข็มกระตุ้น
“ส่วนที่ผู้ปฏิบัติงานที่กังวลว่า วัคซีน 1 ขวดฉีดได้หลายคน แต่หากฉีดเพียงคนเดียวแล้วต้องทิ้งวัคซีน เพราะเปิดได้ไม่เกิน 24 ชั่วโมง ก็ได้ชี้แจงย้ำเตือนให้สบายใจแล้วว่า ให้พิจารณาตามความเหมาะสม แม้จะนัดมาหลายคนแล้วฉีดทีเดียวจะช่วยประหยัด แต่ถ้านัดแล้วไม่มาก็เสียโอกาสฉีดเช่นกัน ให้พิจารณาถ้าคิดว่าเหมาะสมแม้ขวดหนึ่งฉีดคนเดียวก็ถือว่ามีประโยชน์ กว่าที่จะรอหลายคนแล้วไม่ได้ฉีดสักคน ซึ่งวัคซีนมีเพียงพอ ไม่ต้องกังวล ขอให้ฉีดให้ประชาชนมากที่สุด” นพ.โอภาสกล่าว
นอกจากนี้ ได้แจ้งให้แต่ละโรงพยาบาลจัดกิจกรรมเพิ่มเติม มีรถโมบายยูนิตฉีดวัคซีน นัดหมายคนในพื้นที่ โดยเฉพาะกลุ่ม 608 (ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป กลุ่ม 7 โรคเรื้อรัง และหญิงตั้งครรภ์) ขอให้จัดบริการให้ได้มากที่สุด
