PUBLIC HEALTH

‘อนุทิน’ ระบุ สธ.พร้อมสนับสนุน ตั้งโรงพยาบาลสนามที่สโมสรตำรวจ รองรับผู้ติดเชื้อจากการลักลอบเข้าเมือง ขออย่ากังวล

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงการเตรียมจัดตั้งโรงพยาบาลสนามที่สโมสรตำรวจ ว่า ตนทราบเรื่องแล้ว ซึ่งได้มีการประสานงานมาจากผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งการตั้งโรงพยาบาลสนามเพื่อรองรับผู้ที่ติดเชื้อจากการลักลอบเข้าเมืองมาและอยู่ภายใต้การควบคุมและเตรียมการบริหารจัดการอย่างดี ซึ่งทางตำรวจก็มีแพทย์ของโรงพยาบาลตำรวจดูแลอยู่แล้ว แต่หากมีการร้องขออะไรมาทางกระทรวงสาธารณสุข ก็พร้อมที่จะให้การสนับสนุน แต่ทั้งนี้ได้ให้คำแนะนำถึงแนวทางต่างๆ ว่าควรจะปฏิบัติ กับผู้ที่เข้ามารักษาในโรงพยาบาลสนามอย่างไร

นายอนุทิน กล่าวว่าจากตัวเลขที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมากในศูนย์กักกัน ส่วนใหญ่ไม่แสดงอาการ แต่ตราบใดที่สามารถค้นหาผู้ติดเชื้อได้และนำตัวเข้ามารักษาก็ถือเป็นการควบคุมโรคที่ปลอดภัยที่สุด ซึ่งคนเหล่านี้เป็นคนในวัยทำงานและมีอายุไม่มาก เมื่อไม่แสดงอาการก็ไม่ต้องให้ยารักษา และเมื่อครบเวลาก็จะหายเอง ซึ่งเป็นธรรมดาของโรคโควิด-19 ที่มีส่วนที่แรง แต่เมื่อถึงเวลาจะหายก็สามารถหายได้เอง

ทั้งนี้ไม่อยากให้มองถึงจำนวนยอดรวมของผู้ติดเชื้อ แต่ให้ดูว่าการกระจายไป อยู่นอกเหนือการควบคุมหรือไม่ ซึ่งตอนนี้ไม่มีการกระจาย แต่เป็นการติดเชื้อเฉพาะกลุ่ม หรือคลัสเตอร์ ที่ระบบควบคุมสามารถไปดูแลได้ ซึ่งยืนยันว่าขณะนี้ไม่ใช่การแพร่ระบาดในระลอกที่ 3

ส่วนจะต้องทำความเข้าใจกับชุมชนโดยรอบสโมสรตำรวจที่ใช้ตั้งเป็นโรงพยาบาลสนามหรือไม่นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า โรงพยาบาลสนามตั้งอยู่ในสโมสรตำรวจ ซึ่งมีรั้วรอบขอบชิด และบริเวณใกล้เคียงก็ไม่ได้มีชุมชน ขออย่ากังวล และการตั้งโรงพยาบาลสนามก็ต้องมีการรักษาระยะห่างกับชุมชน อาจจะเป็นกี่ร้อยเมตร หรือเป็นกิโลเมตร เช่นเดียวกับการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล ที่ต้องเว้นระยะห่าง 1.5 เมตร และส่วนใหญ่คนที่เข้าไปในโรงพยาบาลสนามก็คือผู้ที่ไม่แสดงอาการ เพราะถ้าเป็นผู้ติดเชื้อ ที่มีอาการก็จะเข้าไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลหลัก เพื่อให้การรักษาตามขั้นตอนทางการแพทย์ ดังนั้นขอให้สบายใจและกรมควบคุมโรคก็ดูแลเรื่องนี้มาตลอดและต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลักสำคัญที่สุด

นายอนุทิน กล่าวถึง การที่องค์การเภสัชกรรม พัฒนาวิจัยวัคซีนป้องกันโควิด-19 ชนิดเชื้อตาย ที่พัฒนาโดยคนไทย ว่าเป็นการพัฒนาร่วมกับสถาบันการแพทย์ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรมได้รายงานว่าเป็นการพัฒนาจากเชื้อตายและใช้ไข่ไก่สด ซึ่งทางองค์การเภสัชกรรมมีโรงงานผลิตวัคซีน จึงมีการนำมาวิจัยและพัฒนาโดยการใช้ทุนขององค์การเภสัชกรรมเอง และวันนี้ได้มีการฉีดวัคซีนให้กับอาสาสมัครกว่า 100 คน ซึ่งกว่าจะมาถึงขั้นตอนนี้ได้จะต้องผ่านขั้นตอนตามมาตรฐาน และถ้าทำตรงนี้สำเร็จก็จะมีวัคซีนของประเทศไทยและมีคนไทยเป็นเจ้าของเทคโนโลยี ซึ่งเบื้องต้นระบุว่าสามารถผลิตได้ 30 ล้านโดสต่อปี แต่ในอนาคตกำลังการผลิตอาจจะขยายเพิ่มขึ้นได้อีก ซึ่งวันนี้ขอให้มั่นใจว่าเรื่องวัคซีนนั้นไม่ใช่ประเด็นปัญหา แต่ตอนนี้ต้องคิดว่าจะทำอย่างไร จึงจะเปิดประเทศได้ และต้องกระจายวัคซีนไปยังเมืองท่องเที่ยวต่างๆ เช่น ภูเก็ต สมุย ซึ่งในเรื่องวัคซีนขณะนี้เป็นไปตามแผนและกำหนดการที่ได้วางไว้ ไม่มีอะไรล่าช้า ทุกอย่างสอดคล้องตามสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม ถ้าในอนาคตวัคซีนขององค์การเภสัชกรรมสำเร็จก็อาจจะมาเสนอให้ทางภาครัฐ ได้พิจารณาให้การสนับสนุนต่อไป

Related Posts

Send this to a friend