PUBLIC HEALTH

แนะผู้สูงอายุคุมเข้มสูงสุด เลี่ยงออกจากบ้าน สวมหน้ากากไม่กินอาหารร่วมกัน

ผู้สูงอายุเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อโควิด-19 และหากติดแล้วก็เป็นกลุ่มที่น่าเป็นห่วงว่าจะมีอาการรุนแรงได้มาก จึงแนะนำให้ผู้สูงอายุปฏิบัติตนตามมาตรการแบบครอบจักรวาลเพื่อป้องกันการรับเชื้อและแพร่ระบาดอย่างดีที่สุด

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า ผู้สูงอายุถือเป็นกลุ่มเสี่ยง เนื่องจากส่วนใหญ่มีโรคประจำตัว และมีภูมิคุ้มกันที่ต่ำ หากติดเชื้อแล้วอาจทำให้มีอาการรุนแรง เกิดภาวะแทรกซ้อน จนถึงขั้นเสียชีวิตได้

จากข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน – 20 สิงหาคม 2564 พบผู้ป่วยที่เป็นผู้สูงอายุติดเชื้อรวม จำนวน 79,700 ราย จากผู้ติดเชื้อทั้งหมด จำนวน 980,847 คน คิดเป็นร้อยละ 8.13 โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวที่ต้องไปรับยาที่โรงพยาบาลมีโอกาสออกจากบ้านไปสัมผัสผู้ติดเชื้อได้ รวมทั้งผู้สูงอายุกลุ่มติดสังคม ที่ยังไปใช้ชีวิตนอกบ้านได้ จะมีโอกาสสัมผัสผู้ติดเชื้อได้เช่นกัน ส่วนกลุ่มผู้สูงอายุกลุ่มติดบ้านติดเตียงมีโอกาสสัมผัสผู้ติดเชื้อจากผู้ดูแล หรือบุคคลในครอบครัวได้

นอกจากนี้ ยังพบผู้สูงอายุเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 จำนวน 5,604 คน ส่วนมากมีโรคประจำตัว ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง โรคไต โดยพบอัตราการเสียชีวิตของผู้สูงอายุค่อนข้างสูงในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล

นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวต่อไปว่า การปฏิบัติตัวของผู้สูงอายุ เพื่อป้องกันโควิด-19 ขอให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขอย่างต่อเนื่อง และเข้มข้นสูงสุดครอบจักรวาล (Universal Prevention) ดังนี้

1) ยึดหลัก DMHTT คือ เว้นระยะห่าง สวมหน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ ตรวจวัดอุณหภูมิ และตรวจเชื้อโควิด-19

2) ควรรับวัคซีน เพื่อลดการเจ็บป่วยรุนแรงและอัตราการเสียชีวิต

3) ใส่หน้ากากอนามัยเมื่อต้องอยู่ร่วมกับบุคคลอื่น และบุคคลในครอบครัว

4) หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารร่วมกัน

5) หากเป็นไปได้ควรแยกห้องพักและของใช้ส่วนตัว

6) กรณีมีโรคประจำตัว และอาการคงที่ ให้ติดต่อโรงพยาบาลประจำเพื่อขอรับยาทางไปรษณีย์ หรือหากมียาพอให้เลื่อนนัดออกไปก่อน

7) ส่งเสริมสุขภาพให้แข็งแรงสม่ำเสมอ โดยรับประทานอาหารที่สะอาด ถูกสุขลักษณะ มีกิจกรรมทางกายสม่ำเสมอ ดูแลสุขภาพช่องปากและฟัน หลีกเลี่ยงการรับข่าวสารที่มากเกินไป พักผ่อนให้เพียงพอ

“ทั้งนี้ สำหรับผู้ดูแลผู้สูงอายุต้องดูแลสุขภาพตนเองอย่างสม่ำเสมอ หากสงสัยว่าป่วย ให้สับเปลี่ยนผู้ดูแล และเฝ้าระวังอาการอย่างใกล้ชิด หรือตรวจด้วยชุดตรวจ ATK เพื่อเป็นการคัดกรองเบื้องต้น และสำหรับญาติที่ไม่ใช่ผู้ดูแล ควรหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดผู้สูงอายุ ให้เปลี่ยนเป็นการเยี่ยมผู้สูงอายุผ่านสื่อออนไลน์แทนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว

Related Posts

Send this to a friend