KNOWLEDGE

กสศ. – กยศ. บูรณาการเพื่อช่วยเหลือเด็กยากจนได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย ลดปัญหาทุนซ้ำซ้อน ขยายโอกาสให้เด็ก

นายสุภกร บัวสาย ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคการศึกษา (กสศ.) ลงนามร่วมกับ นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ร่วมลงนาม (MOU) บันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการและการดำเนินงานร่วมกันระหว่างกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษากับกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา

นายสุภกร กล่าวว่า แม้ กยศ. และ กสศ. จะเป็นหน่วยงานที่ให้โอกาสทางการศึกษาแก่เยาวชนเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา เช่นเดียวกัน แต่มีแนวทางการดำเนินงานแตกต่างกัน เยาวชนจะไม่สามารถรับการสนับสนุนทุนการศึกษาจาก กสศ. และ กู้ยืมเงินจาก กยศ. เพื่อใช้ในระหว่างการศึกษาในช่วงเวลาเดียวกันได้ ความร่วมมือ และการแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสบการณ์ระหว่าง 2 หน่วยงาน จะช่วยให้การดำเนินงานในภาพรวมเกิดความเชื่อมโยงและเป็นไปในทิศทางเดียวกันในหลายด้าน จะช่วยเพิ่มโอกาสทางการศึกษาให้กับเด็กและเยาวชนได้มากขึ้น รวมถึงลดปัญหาการให้ทุนการศึกษาซ้ำซ้อนกัน

นายสุภกร บัวสาย ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.)

“กสศ. มีทุนการศึกษาที่สร้างโอกาสทางการศึกษาให้เยาวชนที่ยากจน 20 เปอร์เซ็นต์ล่างสุดของประเทศ มีรายได้เฉลี่ยไม่เกิน 3,000 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน หรือไม่เกิน 36,000 บาทต่อปี จำนวนปีละ 2,700 ทุน ซึ่งเป็นจำนวนน้อยได้ศึกษาต่อระดับสายอาชีพและเป็นครู โดยผู้รับทุนหากเรียนจบไม่ต้องชดใช้ทุน โดยทุนนี้ไม่ได้ให้ไปที่เยาวชนเพียงอย่างเดียว แต่มีทุนที่ให้ไปยังสถาบันการศึกษาเพื่อเน้นการศึกษาวิจัย พัฒนาและทดลองเพื่อนำไปสู่การปฏิรูประบบการศึกษา และกสศ. เน้นการช่วยเหลือกลุ่มเด็กและเยาวชนยากจนที่สุดเพื่อสนับสนุนโอกาสทางการศึกษา โดยกยศ. ไม่มีภารกิจในการให้ทุนการศึกษา แต่ดำเนินงานโดยการกำหนดแนวทางการให้เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาในลักษณะต่างๆ” นายสุภกร กล่าว

นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา กล่าวว่า ขณะนี้ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ได้ร่วมมือกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางวิชาการ งานวิจัย และแลกเปลี่ยนข้อมูลผู้กู้ยืม กยศ. กับผู้รับทุน กสศ. เพื่อให้ผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ได้รับโอกาสทางการศึกษาอย่างทั่วถึง ไม่เกิดความซ้ำซ้อนและเป็นการใช้งบประมาณของประเทศให้เกิดประโยชน์สูงสุดในด้านการศึกษา เนื่องจาก กยศ. มีลักษณะเป็นกองทุนหมุนเวียนขนาดใหญ่ มีภารกิจในการสนับสนุนและส่งเสริมการศึกษา ผ่านการให้กู้ยืมเงินแก่นักศึกษารายคนเพื่อเป็นค่าเล่าเรียน ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับการศึกษา และค่าใช้จ่ายที่จําเป็นในการครองชีพระหว่างศึกษา สำหรับนักเรียน นักศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจนถึงระดับอุดมศึกษา โดยต้องชำระเงินคืนตามเงื่อนไขที่กำหนด กยศ. ได้ช่วยเหลือเยาวชนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์อายุ 15-25 ปี ที่ต้องการศึกษาต่อในระดับการศึกษาที่สูงกว่ามัธยมศึกษาจนถึงระดับปริญญาตรี จำนวนปีละประมาณ 476,830 คน (ข้อมูล ณ กรกฎาคม 2562)

“เรื่องข้อมูลถือเป็นประเด็นสำคัญในอนาคตน้องๆที่เคยได้รับโอกาสจาก กสศ.แล้ว ก็ต้องแสดงว่าเป็นคนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์มา ดังนั้นเราจะมีกลุ่มที่ กสศ.เคยดูแล้ว เราก็สามารถจะดูแลต่อได้เลย โดยที่เราไม่ต้องวิเคราะห์ว่าน้องคนนี้มีฐานะยากจนจริงหรือเปล่า ซึ่งเราไม่ปิดกั้นหากเข้าตามเกณฑ์เงื่อนไขของ กยศ.ทั้งหมด โดยต่อปี กยศ.ให้กู้ประมาณปีละ 26,000 ล้านบาท” นายชัยณรงค์ กล่าว

นายสุภกร กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่าง กยศ. และ กสศ. ในครั้งนี้ จะช่วยทำให้การดำเนินงานในภาพรวมเกิดความเชื่อมโยงและเป็นไปในทิศทางเดียวกันอย่างเป็นรูปธรรมในหลายด้าน ทั้งความร่วมมือทางวิชาการ การเผยแพร่ แลกเปลี่ยนข้อมูลทางวิชาการ งานวิจัย การพัฒนาองค์ความรู้ การศึกษาอบรม การฝึกอบรม การประชุม การสัมมนา และงานวิชาการอื่น ๆ ระหว่างหน่วยงาน และการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงาน โดยอาจมีการส่งต่อการให้ความช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายต่อไป

“สำหรับกลุ่มเป้าหมายสำคัญที่ กสศ. จัดการช่วยเหลือ ได้แก่ กลุ่มการศึกษาภาคบังคับระดับปฐมวัยถึงมัธยมศึกษาตอนต้น โดยสนับสนุนให้เงินอุดหนุนเพื่อป้องกันกลุ่มเสี่ยงหลุดออกจากระบบการศึกษา ได้แก่ กลุ่มนักเรียนยากจนพิเศษคิดเป็น 1/3 ของนักเรียนยากจนทั้งหมด ผ่านโครงการเงินอุดหนุนนักเรียนยากจนพิเศษแบบมีเงื่อนไข หรือนักเรียนทุนเสมอภาค จำนวน 949,941 คน  และกลุ่มมัธยมศึกษาตอนปลาย กลุ่มประชากรวัยแรงงาน  กลุ่มเด็กนอกระบบ กลุ่มครู กสศ. ให้การสนับสนุนช่วยเหลือจำนวนน้อย ซึ่งในส่วนของทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง หรือการศึกษาสายอาชีพ จำนวนปีละ 2,500 คน คิดเป็นประมาณ 1% ของประชากรยากจนด้อยโอกาส”

Related Posts

Send this to a friend