KNOWLEDGE

จัดหลักสูตรการศึกษาเพิ่มคุณวุฒิวิชาชีพให้ครู ตชด. เพื่อเติมโอกาสให้เด็กในพื้นที่ห่างไกล

ครู เป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญในระบบการศึกษา และการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา เพราะเป็นคนที่ใกล้ชิดกับนักเรียนมากที่สุด มีความเข้าใจกับปัญหาของเด็ก และสภาพแวดล้อมมากที่สุด หากสามารถติดอาวุธให้กับครู เพิ่มศักยภาพ เพิ่มโอกาสให้กับครู ย่อมนำมาซึ่งการพัฒนาด้านการศึกษา และโอกาสทางการศึกษาสำหรับเด็กได้

กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ร่วมกับ กองบัญชาการตำรวจตะเวนชายแดน (บช.ตชด.) และภาคีเครือข่ายสถาบันอุดมศึกษา จัดประชุมหัวข้อ “สมรรถนะครูตำรวจตระเวนชายแดนกับการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา” ภายใต้โครงการพัฒนาครูในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนในถิ่นทุรกันดาร โดยมีผู้แทนอาจารย์จาก 4 สถาบันเครือข่ายที่ทำหน้าที่พัฒนาและปรับหลักสูตรการจัดการศึกษาเพื่อเพิ่มคุณวุฒิทางวิชาชีพครู ตชด. ในแต่ละภูมิภาค ได้แก่ มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี มหาวิทยาลัยราชภัฏลย และมหาวิทยาลัยทักษิณ เข้าร่วมประชุม

พลตำรวจโทวิชิต ปักษา ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน

พลตำรวจโทวิชิต ปักษา ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน กล่าวว่า บช.ตชด. ได้ส่งตำรวจไปเป็นครูสอนเด็กในถิ่นทุรกันดาร และก่อตั้งโรงเรียนแห่งแรกเมื่อปี 2499 ปัจจุบันมีโรงเรียนสังกัด ตชด. 220 แห่ง จัดการเรียนการสอนโดยใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน เช่นเดียวกับโรงเรียนทั่วไป มีนักเรียน 26,577 คน มีครู ตชด. 1,467 คน จากผลการประเมินพบว่าครูจำนวนหนึ่งยังไม่มีคุณวุฒิทางการศึกษา เพราะต้องใช้ระยะเวลาเดินทางมาก บางช่วงเวลาไม่สามารถเดินทางได้ ทำให้ครูไม่สามารถเข้าเรียนต่อหรือเรียนแต่ไม่จบตามแผนการศึกษาปกติที่มหาวิทยาลัยกำหนดได้ ตชด. เห็นความสำคัญของปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้น จึงร่วมกับ กสศ. ทำโครงการพัฒนาครูในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน

ดร.กฤษณพงศ์ กีรติกร ที่ปรึกษากองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา

ดร.อุดม วงษ์สิงห์ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาคุณภาพครู นักศึกษาครู และสถานศึกษา กสศ. กล่าวว่า การวิเคราะห์ผลสอบจากโปรแกรมประเมินสมรรถนะนักเรียนมาตรฐานสากล หรือ PISA พบว่า การเรียนรู้ของเด็กในเมืองกับชนบทนั้นห่างกันถึง 2 ปีการศึกษา สำหรับเด็กในโรงเรียน ตชด. จัดเป็นเด็กที่อยู่ในโรงเรียนชนบทด้วยเช่นกัน การเรียนรู้อาจเทียบไม่ได้กับเด็กในเมือง เพราะครูที่สอนส่วนใหญ่ไม่มีพื้นฐานมาจากวิชาชีพครูแต่เป็นตำรวจที่มาทำหน้าที่สอนหนังสือ หรือ ครู ตชด. ซึ่งข้อมูลเมื่อ ปี 2562 พบว่ากว่าร้อยละ 50 ยังไม่จบการศึกษาระดับปริญญาตรี สอดคล้องกับผลสำรวจของ บช.ตชด.เมื่อเดือนมิถุนายน 2562 พบว่า ครู ตชด.1,391คน เป็นครูที่มีคุณวุฒิทางการศึกษาและใบประกอบวิชาชีพครู 361 คน และครูที่ยังไม่มีคุณวุฒิทางการศึกษาและใบประกอบวิชาชีพครู 1,096 คน หาก กสศ.สามารถผลักดันให้ครูตชด.พัฒนาตนเองได้ สุดท้ายโอกาสและผลประโยชน์จะเกิดกับเด็กและนักเรียนยากจนด้อยโอกาสในพื้นที่ห่างไกลอีกด้วย

ดร.อุดม วงษ์สิงห์ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาคุณภาพครู นักศึกษาครู และสถานศึกษา กสศ.

“กสศ. มุ่งหวังให้โครงการนี้เข้าไปช่วยครู ตชด. ยกระดับคุณภาพการเรียนรู้ของเด็กได้ ผ่าน 2 เรื่อง คือ 1. พัฒนาครูโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน เติมเต็มทฤษฎีจากคณาจารย์หรือพี่เลี้ยง และ 2. ให้ครูมีโอกาสเพิ่มความรู้และวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรี โดยคำนึงถึงบริบทความยากลำบากด้านการเดินทาง ดังนั้นหลักสูตรที่มหาวิทยาลัยทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี  มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย และมหาวิทยาลัยทักษิณ ออกแบบมานั้น นอกจากครูไม่ต้องไปเรียนที่มหาวิทยาลัยทุกวันแล้ว ยังจะมีการเทียบโอนหน่วยกิตได้บางส่วนจากภาคปฏิบัติในโรงเรียนได้อีกด้วย  และอาจารย์จากมหาวิทยาลัยจะเข้าไปนิเทศก์การสอนในพื้นที่ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายการเดินทางให้กับครู ตชด.ที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล ครู ตชด. จะสามารถจบการศึกษาได้ภายใน 3 ปี ถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่จะมีหลักสูตรเพื่อครู ตชด.โดยเฉพาะ คาดว่าปี 2565 จะมีครูโรงเรียน ตชด.ได้รับการศึกษาจากหลักสูตรนี้เป็นรุ่นแรก นำร่องไม่น้อยกว่า 50 แห่ง ใน 15 จังหวัด ได้แก่ ราชบุรี กาญจนบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เลย อุดรธานี บึงกาฬ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ อุตรดิตถ์ ตาก สงขลา สตูล ตรัง และพัทลุง” ดร.อุดม กล่าว

Related Posts

Send this to a friend