‘สุภิญญา‘ แนะคอนเทนต์ครีเอเตอร์สร้างสรรค์ได้แต่ต้องไม่สร้างข่าวเท็จ

‘สุภิญญา‘ แนะคอนเทนต์ครีเอเตอร์ต้องมีทักษะ ’Fact Checker‘ สร้างสรรค์ได้แต่ต้องไม่สร้างข่าวเท็จ
วันนี้ (27 ม.ค. 68) นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ อดีตกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และผู้ร่วมก่อตั้งโครงการ Cofact Thailand บรรยายในหัวข้อ “เช็คความจริง สร้างคอนเทนต์ที่ไม่ผิดพลาด” ในโครงการอบรม “Content Creator 101 คอนเทนต์สร้างสรรค์ … คุณก็ทำได้” ณ ศูนย์ประชุมบางกอกกรุ๊ป ตึกวรรณสรณ์ กรุงเทพมหานคร
นางสาวสุภิญญา กล่าวถึงที่มาของ Cofact Thailand มีที่มาจากไต้หวัน ซึ่งเป็นประเทศที่มีข่าวหรือข่าวลวงเยอะ จึงสร้างแพลตฟอร์มให้ประชาชนช่วยรายงานและตรวจสอบข่าวปลอม ถือเป็นชุมชน Fact Checker ร่วมมือกันตรวจสอบข่าวที่เป็นเท็จ ทั้งนี้ทุกคนจะต้องมีทักษะของการเป็น Fact Checker จะต้อง ”เอ๊ะ“ หรือตั้งคำถาม ไม่ฟันธงอะไรง่าย ๆ จนกว่าจะมีข้อเท็จจริง

วาทกรรมเฟกนิวส์เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยที่โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดีสมัยแรก มีการกล่าวหาสื่อว่าสร้างเฟกนิวส์ ในทางวิชาการมักแยกข่าวลวงออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ “Misinformation” ถูกเข้าใจว่าเป็นข้อมูลจริง “Disinformation” เป็นข้อมูลเท็จที่มีเจตนาร้ายแรง เช่น การใส่ร้ายป้ายสีทางการเมือง ขบวนการ IO แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หรือโรแมนซ์สแกม และ “Malinformation” เป็นข้อเท็จจริงที่เผยแพร่โดยมีเจตนาสร้างความเสียหาย เช่น การปล่อยข้อมูลส่วนบุคคล การบูลลี่ และ Hate Speech ส่วนข้อมูลเท็จ สามารถแบ่งได้ 7 ประเภท ประกอบด้วย
1.Satire & parody การเสียดสีให้ขบขันไม่ตั้งใจก่ออันตรายแต่อาจเป็นคนลงเชื่อว่าเป็นจริง และอาจกระทบกับจิตใจกับบางคน
2.False connection ระวังเรื่องการใช้พาดหัว และการใช้ภาพคำบรรยายแบบแพะชนแกะ
3.Misleading content ข้อมูลที่จงใจชี้นำ ทำให้คนเข้าใจผิด
4.False context ข้อมูลจริงแต่ใช้ผิดบริบท เกิดมานานแล้วทำให้คนสับสน
5.Imposter content พวกแอบอ้างตัวตนทำให้คนเข้าใจผิดว่าเป็นกูรู หรือผู้เชี่ยวชาญ
6.Manipulated content ตัดต่อ ตกแต่งภาพเพื่อสร้างเรื่องเท็จสร้างความบิดเบือน
7.Fabricated content เรื่องใหม่ทั้งหมดเพื่อหลอกลวง ซึ่งเป็นสิ่งที่แย่ที่สุด
Cofact Thailand มีหน้าที่ตรวจสอบเรื่องที่มีผลกระทบต่อสังคม มีประโยชน์ต่อสาธารณะ และอยู่ในขอบเขตที่สามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ ไม่ตรวจสอบเนื้อหาที่เป็นความคิดเห็นหรือเรื่องส่วนตัว สำหรับวิธีการตรวจสอบจะต้องมีการศึกษาหาต้นตอ วิเคราะห์ที่มา ตรวจสอบเนื้อหา สืบค้นผ่านฐานข้อมูลออนไลน์ สัมภาษณ์และลงพื้นที่ เพื่อหาข้อเท็จจริง รวมถึงใช้เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์หรือ AI ในการสืบค้น โดยจากฐานข้อมูลของ Cofact Thailand จะจัดประเภทของข้อมูลไว้ ดังนี้ จริง จริงบางส่วน บิดเบือน สร้างความเข้าใจผิด เท็จ และยังไม่สามารถสรุปได้
“คอนเทนต์ครีเอเตอร์ เป็นผู้ขับเคลื่อนสังคมมุขปาฐะในยุคดิจิทัล การสร้างคราฟต์คอนเทนต์จึงต้องคิดให้รอบคอบมากยิ่งขึ้นเราจะสื่อสารอะไร มุมนึงจะต้องสร้างความน่าสนใจ อีกมุมต้องดูว่าจะนำไปสู่การสร้างข่าวเท็จหรือไม่” นางสาวสุภิญญา กล่าว
นางสาวสุภิญญา กล่าวว่าข้อมูลเท็จ และข่าวลวงมีปริมาณมหาศาล ความท้าทายคือ บางเรื่องเป็นมากกว่าข่าวเท็จ เป็นเรื่องความคิดเห็น เป็นทฤษฎีสมคบคิด “จับพระชนแกะ” จึงต้องอาศัยทักษะ Critical Thinking ดังนั้นบทบาทคอนเทนท์ครีเอเตอร์จึงสำคัญมาก โดยเฉพาะในยุคปัญญาประดิษฐ์ นำความรัก ความเมตตาใส่ไปในชุดข้อมูลด้วย
หลายครั้ง Fact Checking แล้วเป็นเรื่องไม่จริง แต่ทุกคนเลือกที่จะเชื่อโนสนโนแคร์ เชื่อในสิ่งที่อยากเชื่อ จึงเป็นเรื่องที่ยากที่สุด เพราะ Fact Checker สามารถนำไปสู่สันติภาพหรือสงครามก็ได้
