มจธ. ผนึกญี่ปุ่น คลอด ‘มาตรฐานสำรวจโพรงใต้ดิน’ ฉบับแรกของไทย
วันนี้ (21 พ.ย. 68) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) โดยภาควิชาวิศวกรรมโยธา ร่วมกับ Ehime University ประเทศญี่ปุ่น เปิดตัว “มาตรฐานการสำรวจโพรงใต้ดินฉบับแรกของประเทศไทย” เพื่อยกระดับความปลอดภัยโครงสร้างพื้นฐานในกรุงเทพมหานคร โดยมุ่งเปลี่ยนแนวทางการรับมือจากเดิมที่ซ่อมแซมหลังเกิดเหตุ (Reactive Maintenance) ไปสู่การป้องกันเชิงรุก (Predictive Maintenance) ด้วยเทคโนโลยี
ศาสตราจารย์ วรัช ก้องกิจกุล หัวหน้าทีมวิจัยไทย-ญี่ปุ่น จากภาควิชาวิศวกรรมโยธา มจธ. อธิบายว่า ปัญหาหลุมยุบในกรุงเทพฯ มักเกิดจากการเสื่อมสภาพของสาธารณูปโภคใต้ดิน เช่น ท่อระบายน้ำหรือท่อประปาแตกร้าว ประกอบกับสภาพดินเหนียวอ่อนของกรุงเทพฯ ที่ไวต่อการเปลี่ยนแปลงระดับน้ำใต้ดิน ทำให้มวลดินถูกพัดพาไปจนเกิดโพรงและขยายตัวเป็นหลุมยุบ หากสามารถตรวจพบได้ล่วงหน้าจะช่วยป้องกันความเสียหายรุนแรงได้
สำหรับการสำรวจครั้งนี้ ทีมวิจัยได้นำเทคโนโลยี GMS3 (GPR Mobile Mapping System 3D) จากญี่ปุ่นมาใช้ ซึ่งเปรียบเสมือนดวงตาที่มองทะลุพื้นดิน โดย Professor Jun Shinohara จาก Ehime University ระบุว่า GMS3 เป็นนวัตกรรมที่สามารถเก็บข้อมูลได้รวดเร็วด้วยความเร็วรถสำรวจ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไม่กระทบการจราจร และมีความแม่นยำระดับเซนติเมตรด้วยเทคโนโลยี Camera Vector (CV) ที่ช่วยแก้ไขข้อมูลดาวเทียม ทำให้ทำงานได้ดีแม้ในพื้นที่อับสัญญาณ
ทีมวิจัยได้พัฒนาเกณฑ์ประเมินความเสี่ยงใหม่ให้เหมาะสมกับถนนผิวคอนกรีตของประเทศไทย ซึ่งแตกต่างจากถนนแอสฟัลท์ของญี่ปุ่น โดยใช้ตัวแปรขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางและความลึกของโพรงในการวิเคราะห์ ซึ่งพบว่าหากขนาดโพรงเท่ากัน โพรงที่อยู่ตื้นกว่าจะมีความเสี่ยงต่อการยุบตัวสูงกว่า
Professor Mitsumasa Yamashina เปิดเผยผลการสำรวจถนนในกรุงเทพฯ และปริมณฑลระยะทางกว่า 338 กิโลเมตร พบจุดต้องสงสัยว่าเป็นโพรงถึง 313 จุด หรือเฉลี่ย 1 โพรงต่อ 1 กิโลเมตร ซึ่งสอดคล้องกับสถิติในญี่ปุ่น การจัดทำมาตรฐานฉบับนี้จึงเป็นก้าวสำคัญที่หน่วยงานหลักอย่าง กรุงเทพมหานคร กรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบท จะใช้เป็นแนวทางเดียวกันในการจัดลำดับความเร่งด่วนเพื่อซ่อมแซมถนน
ศาสตราจารย์ วรัช เปรียบเทียบการสำรวจโพรงใต้ดินว่าเสมือนการทำประกันสุขภาพให้ถนน เป็นการลงทุนป้องกันความเสียหายในอนาคตที่มีต้นทุนต่ำกว่าการรอให้ถนนยุบแล้วซ่อมแซม โดยในระยะต่อไปจะนำข้อมูลไปพัฒนา “แผนที่ความเสี่ยงโพรงใต้ดิน” ทั่วประเทศ เพื่อการบริหารจัดการงบประมาณอย่างคุ้มค่า












