KNOWLEDGE

อย.-อภ.จับมือ มูลนิธิกสิกรไทย และภาคีเครือข่าย ร่วมพัฒนาวิจัยพืชเป็นยา ในโครงการน่านแซนด์บอกซ์

วันนี้ (20 ก.พ. 66) นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ร่วมเป็นเกียรติในพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือ 3 ฉบับ ร่วมกับ 6 หน่วยงาน เพื่อสนับสนุนโครงการน่านแซนด์บอกซ์ ทั้งนี้เพื่อสนับสนุนวิจัยพัฒนาพืชเป็นยา ในพื้นที่ป่าโครงการน่านแซนด์บอกซ์ เพื่อส่งเสริมให้ชุมชนปลูกพืชสมุนไพร เพื่อผลิตยาอย่างมีมาตรฐาน สร้างรายได้อย่างยั่งยืน ควบคู่การฟื้นฟูป่าต้นน้ำ โดยมีองค์การเภสัชกรรม และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เป็นหน่วยงานสนับสนุน

ทั้งนี้ประกอบด้วยบันทึกความเข้าใจ เพื่อความร่วมมือ ในการพัฒนายาและผลิตภัณฑ์ส่งเสริมสุขภาพจากพืช ระหว่างมูลนิธิกสิกรไทย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถ ในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) และศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (ศลช.) และบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการร่วมพัฒนายา และผลิตภัณฑ์ส่งเสริมสุขภาพจากพืช ระหว่างมูลนิธิกสิกรไทย กับองค์การเภสัชกรรม (อภ.) รวมถึงบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการส่งเสริม การใช้ประโยชน์ฐานข้อมูล เพื่อการพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรม ในการผลิตยาและผลิตภัณฑ์ส่งเสริมสุขภาพจากพืชยา ระหว่างมูลนิธิกสิกรไทย กับ สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (สพภ.)

นายแพทย์โอภาส กล่าวว่า “โครงการน่านแซนด์บอกซ์ เป็นโครงการที่จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหา การสูญเสียป่าน่าน ซึ่งเป็นป่าต้นน้ำชั้นหนึ่งของประเทศ โดยเน้นแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ของคนที่อยู่อาศัยในพื้นที่ป่าสงวนให้มีชีวิตที่ดี ไปพร้อมกับการฟื้นคืนป่า และมีการสร้างนวัตกรรม นวเกษตร-พฤกษเภสัช ให้เป็นห่วงโซ่มูลค่าใหม่จากต้นน้ำ คือ พืชยาที่ชาวบ้านปลูกใต้ป่า สู่สินค้าคือ ยาที่พัฒนาจากพืชที่มูลค่าสูงเพียงพอ ที่จะช่วยให้ชาวบ้านมีรายได้สูงขึ้น อย่างเท่าเทียมและยั่งยืน ซึ่งการพัฒนายาจากพืช ให้เป็นที่ยอมรับและเป็นที่ต้องการของตลาด ต้องมีความปลอดภัย คุณภาพ ประสิทธิภาพ และข้อบ่งใช้ที่ชัดเจน มีทะเบียนยาถูกต้อง ตามหลักมาตรฐานสากล ซึ่งต้องมีความร่วมมือจากหลายภาคส่วน นำมาสู่การลงนามความร่วมมือในวันนี้ โดยหน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุข ได้ลงนามความร่วมมือ 2 ฉบับใน 3 ฉบับ ที่มีความเกี่ยวเนื่องกัน ได้แก่ อย. จะทำหน้าที่ให้คำแนะนำการยกระดับ มาตรฐานการวิจัยและผลิต รวมถึงการขึ้นทะเบียนเป็นยาให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล และอภ.จะให้การแนะนำ สนับสนุนตลอดห่วงโซ่จนถึงการจัดจำหน่าย”

“เรื่องสมุนไพรถือเป็นโจทย์สำคัญ ซึ่งประเทศไทยมีความหลากหลายทางชีวภาพ มีสมุนไพรพื้นบ้าน ต้องทำให้ชาวบ้านได้ปลูก และนำมาพัฒนาเป็นภูมิปัญญาและผลิตภัณฑ์ ลดการนำเข้า เพิ่มการส่งออกไปยังต่างประเทศ ซึ่งความร่วมมือในโครงการนี้ สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข ที่มุ่งให้ คนไทยสุขภาพดี เศรษฐกิจมั่งคั่ง : Health for Wealth โดยปัจจุบันเรามีรากฐานที่แข็งแกร่ง ด้านการแพทย์และสาธารณสุข ทั้งเรื่อง Medical Hub เป็นศูนย์การแพทย์ที่ดูแลชาวต่างชาติ ผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่มีความหลากหลาย และต่างประเทศให้ความสนใจมาก ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่จะได้ร่วมกันพัฒนาต่อเนื่อง เพื่อให้การพัฒนาสมุนไพรได้คุณภาพ สร้างประโยชน์ให้กับประเทศและประชาชน”

Related Posts

Send this to a friend