ฟีโบ้ มจธ. จัด ‘หุ่นยนต์ไม่กัด’ เปิดโลก AI สร้างความเข้าใจ-ใช้ประโยชน์อย่างรู้เท่าทัน

สถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม (ฟีโบ้) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) จัดงาน “หุ่นยนต์ไม่กัด : เปิดโลกหุ่นยนต์ และ AI แบบสนุก เข้าใจง่าย” ณ SCBX Next Tech ชั้น 4 สยามพารากอน กรุงเทพฯ งานดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดมุมมองและสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และหุ่นยนต์สำหรับคนทั่วไป โดยเฉพาะกลุ่มครอบครัว เด็กและเยาวชน
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุภชัย วงศ์บุณย์ยง ผู้อำนวยการฟีโบ้ กล่าวถึงความสำคัญของการจัดงานว่า ปัจจุบันเทคโนโลยี AI และหุ่นยนต์มีบทบาทในชีวิตประจำวันอย่างมาก จนบางครั้งอาจไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกชักนำ เช่น การแนะนำร้านอาหารหรือสินค้าจากอัลกอริทึม AI จึงเกิดคำถามว่าใครควบคุมใคร และการจะใช้ประโยชน์จาก AI ควรทำอย่างไรและต้องระวังอะไรบ้าง กิจกรรมภายในงานประกอบด้วยการสัมผัสประสบการณ์โลกเสมือนจริงผ่านแว่น HoloLens การจัดเวิร์กช็อป การแสดงผลงาน และเวทีเสวนาในประเด็นน่าสนใจ อาทิ “หุ่นยนต์และ AI เราคุมมัน หรือมันคุมเรา?”, “เรียนหุ่นยนต์ อนาคตไปไหน?” และ “จากเกิดจนโต AI ทำอะไรกับลูกคุณบ้าง?” โดยทีมผู้เชี่ยวชาญจากฟีโบ้
ผศ. ดร.สุภชัย เน้นย้ำว่า แม้คนกับหุ่นยนต์และ AI จะใกล้ชิดกันมากขึ้น แต่หลายคนยังคงมีความกลัว ฟีโบ้จึงต้องการให้ทุกคน โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนซึ่งเป็นเจนเนอเรชั่นที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีในอนาคต ได้ทำความรู้จักและเรียนรู้เกี่ยวกับหุ่นยนต์และ AI มากขึ้น เป้าหมายสำคัญคือการช่วยให้ผู้คนรู้เท่าทันและเข้าใจวิธีใช้ประโยชน์จาก AI เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต แทนที่จะกังวลว่า AI จะมาแย่งงาน นอกจากนี้ยังต้องสร้างความตระหนักรู้ถึงผลกระทบ โดยเฉพาะต่อการศึกษาและการเรียนรู้ของเด็กในยุคดิจิทัล เนื่องจาก AI อยู่ในทุกที่ จึงมีการจัดเสวนาหัวข้อ “จากเกิดจนโต AI ทำอะไรกับลูกคุณบ้าง?” เพื่อชี้ให้เห็นข้อดีข้อเสียของ AI ในบริบทการเรียนรู้ และเน้นการสอนให้ใช้ AI เป็นเพียงผู้ช่วย สิ่งสำคัญคือการใช้การคิดวิเคราะห์ (critical thinking) เพื่อตัดสินใจ ไม่ใช่ให้ AI เป็นคำตอบสุดท้าย และต้องรู้จักตั้งคำถามกับ AI ให้เป็น
ผู้อำนวยการฟีโบ้ยังกล่าวถึงโอกาสในการเรียนหุ่นยนต์ว่า ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การแข่งขัน แต่ยังสามารถเป็นวิศวกรหุ่นยนต์ นักวิจัย หรือผู้ประกอบการในสายงานนี้ได้ ฟีโบ้คาดหวังว่าการจัดงานครั้งนี้จะช่วยให้ผู้เข้าร่วม โดยเฉพาะผู้ปกครอง เด็กและเยาวชน ได้รับประสบการณ์ เปิดมุมมอง และเรียนรู้วิธีใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเหล่านี้อย่างมีวิจารณญาณ เพื่อเป็นผู้ควบคุมและใช้ AI เป็นเครื่องมืออย่างแท้จริง