KNOWLEDGE

‘กสศ.’ เปิดแคมเปญ “เพราะทุกที่คือโรงเรียน” ขยายพื้นที่การเรียนรู้ทั่วประเทศ พร้อมรองรับเด็กหลุดจากระบบ กลับสู่การศึกษา

วันนี้ (4 มิ.ย. 68) ที่สามย่านมิตรทาวน์ ลานกิจกรรม ชั้น G กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการ เครือข่ายศูนย์การเรียนโดยสถาบันทางสังคม และหุ้นส่วนการศึกษาจากทั่วประเทศ จัดงานแถลง และกิจกรรมเปิดตัวแคมเปญ “เพราะทุกที่คือโรงเรียน” พร้อมชวนภาคีเครือข่าย ภาครัฐ เอกชน ชุมชน และสื่อมวลชน ร่วมสร้าง “โรงเรียนในความหมายใหม่ ” ที่ออกแบบขึ้นเพื่อรองรับเด็ก และเยาวชนที่หลุดจากระบบการศึกษา ที่ไม่สามารถเข้าเรียนในระบบโรงเรียน ให้สามารถกลับมาเรียนรู้ในบริบทที่เหมาะสมกับชีวิตของตนเองได้

ดร.ไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการ กสศ. กล่าวว่า ปัจจุบัน ประเทศไทยมีเด็กและเยาวชนที่หลุดจากระบบการศึกษาอายุระหว่าง 3-24 ปี จำนวน 880,463 คน ลดลงจากปี 2567 ซึ่งมีอยู่ราว 1.02 ล้านคน ยังคงสะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้าง ฃจากการสำรวจของ กสศ. เด็ก และเยาวชนจำนวนมากที่หลุดจากระบบการศึกษาไม่มีเป้าหมายทางการศึกษา และอาชีพที่ชัดเจน ร้อยละ 78.23 ของกลุ่มตัวอย่าง 29,452 คน ไม่มีแผนการศึกษาในอนาคต ขณะที่ร้อยละ 49.42 แสดงความต้องการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะอาชีพ มากกว่าการเรียนแบบวิชาการในระบบเดิม

แคมเปญ “เพราะทุกที่คือโรงเรียน” จึงเป็น วิสัยทัศน์ร่วมของภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อแก้ปัญหาเด็ก และเยาวชนหลุดจากระบบการศึกษาด้วยรูปแบบ การเรียนรู้ที่ยืดหยุ่น (Flexible Learning) ที่สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกสถานที่ ทุกเวลา โดยเน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ร่วมจัดการเรียนรู้ เด็กไม่จำเป็นต้องเรียนเฉพาะในโรงเรียนแบบเดิม แต่สามารถเรียนรู้ผ่านพื้นที่เรียนรู้หลากหลาย การทำมาหาเลี้ยงชีพ กิจกรรมในชีวิตจริง บริบทของชุมชนหรือแม้แต่ในสถานประกอบการ นอกจากนี้ ยังเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถเป็นครูได้ เราไม่ได้แค่ดึงเด็กกลับเข้าสู่ระบบเดิม แต่เรากำลังร่วมกันสร้างระบบใหม่ที่ยืดหยุ่นตอบโจทย์ชีวิตของเด็กจริง ๆ

ดร.ไกรยส ย้ำว่า เป้าหมายของการศึกษาคือ การเปิดโอกาสให้เด็กเป็นเจ้าของการเรียนรู้ของตนเอง ไม่ใช่เพียงผู้รับความรู้แบบเดิม โดยการศึกษาหรือการเรียนรู้ที่ยืดหยุ่น จะช่วยเป็นตาข่ายรองรับความต้องการที่แตกต่าง หลากหลายให้กับผู้เรียนกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ อาทิ เด็กยากจน ด้อยโอกาสที่หลุดจากระบบการศึกษา กลุ่มพ่อแม่วัยรุ่น เด็กและเยาวชนในกระบวนการยุติธรรม เด็กกำพร้า เด็กในพื้นที่ห่างไกล เด็กที่เผชิญกับความเจ็บป่วยและปัญหาสุขภาพ

ภายในงานผู้ร่วมกิจกรรมยังได้สัมผัสกับห้องเรียนหลากหลายรูปแบบที่เกิดจากการร่วมมือกันระหว่าง กสศ. และภาคีเครือข่าย ทั้งภาครัฐ เอกชน และชุมชน ภายใต้แนวคิด “ทุกคนสามารถเป็นครูได้ และทุกที่คือโรงเรียน” นายสุชาติ อินทร์พรหม ผู้ก่อตั้งและผู้บริหาร วงหมอลำไอดอล กล่าวว่า การสร้างหมอลำศึกษา นิวเจน เรียนไปม่วนไปนั้น เป็นหลักสูตรที่สร้างโอกาส เพื่อต่อยอดความฝันให้กับเยาวชนวงหมอลำ

นางสาวฐปณีย์ เอียดศรีไชย สำนักข่าว The Reporters กล่าวว่า ตนเองก็มีแรงบันดาลใจอยากจะมีศูนย์การเรียนหรือ โรงเรียนสร้างนักข่าวของ The Reporters อยากให้ The Reporters เป็นสำนักข่าวที่จะมีศูนย์การเรียนให้กับเด็ก ๆ หรือใครก็ได้ที่สนใจอยากที่จะมาเรียนกับเรา

นอกจากนี้ยังมี หมอลำศึกษา นิวเจน เรียนไปม่วนไป หลักสูตรสร้างโอกาส ต่อยอดความฝัน ให้เยาวชนวงหมอลำ โรงเรียนนักขายออนไลน์ Shopee ของ Sea Thailand โรงเรียนผู้ประกอบการ ของ CJ MORE Learn to Earn : Earn to Learn การศึกษา = ปากท้อง ของโรงเรียน 3 รูปแบบ ChickLab ห้องเรียนฟาร์มไก่ เลี้ยงก็ได้ ขายก็เก่ง ของพลูโตฟาร์ม จ.สุรินทร์ หนองสนิท BARBER ห้องเรียน ปั้นช่างตัดผม ขวัญใจคนทั้งหมู่บ้าน เจริญกาแฟและเบเกอรี่ ความรู้กินได้ ของลูกหลานแรงงานไร่ส้ม Mobile Media Lab ห้องเรียนสื่อชายแดน หมู่บ้านกองผักปิ้ง เชียงดาว พื้นที่ปลอดภัยในการเรียนรู้ ของเด็ก ๆ ในพื้นที่สีแดง และ ห้องเรียนทุ่งใหญ่ 1.3 ล้านไร่ อิสรภาพในการเรียนรู้ของเด็ก ๆ สำหรับพื้นที่พื้นที่ห่างไกล

ดร.ไกรยส กล่าวเสริมว่า มาตรการนี้ถูกออกแบบขึ้นมาจากการทำความเข้าใจปัญหาเชิงลึก และมองเห็นคุณค่าของเด็ก และเยาวชนจำนวนมากที่ออกจากระบบการศึกษา เพื่อทำงานหารายได้ เพราะตอบโจทย์ความต้องการเร่งด่วนของครอบครัว และตัวเองมากกว่า บางส่วนจำเป็นต้องออกจากการศึกษาเพื่อดูแลผู้ป่วยในครอบครัว ขณะที่อีกจำนวนไม่น้อย ตั้งข้อสงสัยถึงเป้าหมายของการเรียน เรียนแล้วได้อะไร หรือแม้แต่การเรียนที่ตอบสนองต่อสิ่งที่ใฝ่ฝัน อยากเป็น อยากทำ ไม่ได้มีอยู่ในระบบการศึกษา ความร่วมมือของหุ้นส่วนการศึกษาจากทุกภาคส่วน คือ หัวใจสำคัญที่จะขยายพื้นที่การเรียนรู้ให้ครอบคลุมเด็กทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็กพิการ พ่อแม่วัยรุ่น เด็กในกระบวนการยุติธรรม เด็กในพื้นที่ห่างไกล หรือเด็กที่มีปัญหาสุขภาพ

“เด็กไม่ใช่ปัญหา เด็กคือศักยภาพของประเทศ ถ้าเรายุติปัญหาเด็กหลุดจากระบบการศึกษาได้ เศรษฐกิจไทยจะโตเพิ่มขึ้นอีก 1.7% ของ GDP จากรายได้ตลอดชีวิตที่สูงขึ้นของเด็กเหล่านี้” ดร.ไกรยส กล่าว

ดังนั้น กสศ. ได้นำเสนอ 3 ตาข่ายการเรียนรู้หลักเพื่อรองรับเด็กหลุดจากระบบที่ได้รับการสนับสนุนจาก กระทรวงศึกษาธิการ ได้แก่ โรงเรียนที่มีการปรับให้ยืดหยุ่น เช่น 1 โรงเรียน 3 รูปแบบ การศึกษานอกระบบ และตามอัธยาศัยผ่านกรมส่งเสริมการเรียนรู้ และศูนย์การเรียนโดยสถาบันทางสังคม เช่น มูลนิธิ สมาคม หรือกลุ่มอาชีพ ซึ่งเปิดโอกาสให้ทุกคนเป็นครู เป็นผู้จัดการศึกษาได้ รวมถึง ยังมีเครื่องมือสำคัญอีกหลายอย่างที่ทำงานเชิงรุก ติดตามค้นหา เพื่อนำการศึกษา การเรียนรู้ไปให้เด็กเยาวชน เช่น กลไกตำบล โรงเรียนเคลื่อนที่ Mobile School ธนาคารหน่วยกิต Credit Bank ที่ช่วยให้การเรียนรู้ทุกรูปแบบ การประกอบอาชีพสามารถเทียบโอนหน่วยกิต เชื่อมต่อกันได้ทั้งหมด

ดร.ไกรยส กล่าวว่า ปัจจุบันนโยบายเรียนฟรี 15 ปี ยังไม่ครอบคลุมศูนย์การเรียนโดยสถาบันทางสังคม ยังไม่ได้รับงบประมาณอุดหนุนรายหัว หรือสิทธิประโยชน์พื้นฐาน เช่น อาหารกลางวัน นม วัคซีน หรือการตรวจสุขภาพ กสศ. จึงเสนอให้มีการสนับสนุนอย่างเท่าเทียมกับโรงเรียนในระบบ รวมถึงเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้าร่วมสนับสนุนด้วยสิทธิประโยชน์ทางภาษีเหมือนโรงเรียนอื่น ๆ ปกติ โรงเรียนของเด็กบางคนอาจไม่มีอาคาร แต่ต้องมีคุณภาพ และต้องได้รับการสนับสนุนอย่างเท่าเทียม

ทั้งนี้ ดร.ไกรยส ยังแสดงความหวังถึงตัวอย่างความสำเร็จที่เกิดขึ้นแล้วในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ จะเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดเครือข่ายหุ้นส่วนการศึกษาเพิ่มขึ้นเท่าทวีคูณทั่วประเทศ เพื่อสามารถรองรับความต้องการที่หลากหลายของเด็ก และเยาวชนที่ยังคงหลุดจากระบบการศึกษาเกือบล้านคนได้เพราะนี่คือเรื่องฉุกเฉินเร่งด่วน สำหรับอนาคตของประเทศที่หายไป

Related Posts

Send this to a friend

Thailand Web Stat