บอร์ดเกมจากหนังสือคนไทย พื้นที่แห่งโอกาสที่นักออกแบบและนักเขียนไทยมาบรรจบกัน
ในประเทศไทย กระแสการเล่นบอร์ดเกมอาจจะเริ่มเข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งหากมองไปตามการเรียนวิชาต่าง ๆ ทั้งในระดับมัธยม หรือจนกระทั้งมหาวิทยาลัย เริ่มมีการนำบอร์ดเกมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการประกอบการสอนรายวิชาต่าง ๆ ในแง่นี้บอร์ดเกมกลายเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ไม่เพียงแต่ให้ความสนุกเพลิดเพลิน แต่ยังถูกตีความในฐานะของสื่อประเภทหนึ่งที่สามารถนำเรื่องราวต่าง ๆ ใส่เข้าไปได้ ซึ่งอาจรวมถึงชุดของสื่อที่ให้ความรู้ต่าง ๆ
เช่นเดียวกับหนังสือ เราเข้าใจดีว่าหนังสือมีหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น การ์ตูน comic นิยาย หรือแม้กระทั่งหนังสือวิชาการ สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนเป็นผลงานที่สร้างสรรค์โดยนักเขียนที่มีลีลาลวดลายฝีมือร้อยเรียงเรื่องราวออกมาในแบบฉบับของตัวเอง
หนังสือและบอร์ดเกม ต่างเป็นเครื่องมือหนึ่งที่นักเขียนก็ดี หรือนักออกแบบก็ดี นำเสนอเรื่องราวที่อยากสื่อ ปรุงลงไปให้ผู้อ่าน หรือผู้เล่น ได้ลิ้มลองรสชาติที่แตกต่างกัน ซึ่งความสนุกระหว่างลิ้มลองอาจเป็นลูกเล่นหนึ่งที่ทำให้ผู้อ่าน หรือผู้เล่น เกิดความรู้สึกอยากกลับมาชิมเมนูเด็ดนี้อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม มีความแตกต่างอยู่บ้างตรงที่การเจาะตลาดบอร์ดเกมนั้นยังเป็นกลุ่มที่ไม่ได้กว้างไปกว่ากลุ่มนักอ่านในไทยที่มีความหลากหลาย เห็นได้จากความหลากหลายของหมวดหนังสือต่าง ๆ ในไทย ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีที่ความหลากหลายเหล่านี้ทำให้นักเขียนไทยหน้าใหม่มีพื้นที่ให้ได้แสดงผลงานหลากหลายช่องทาง โดยเฉพาะผ่านสื่อ และแอปฯ ต่าง ๆ
ดังนั้น การนำเรื่องราว หรือตัวละครจากหนังสือที่มีผู้คนรู้จัก มาปรับใช้เป็นเรื่องราวเนื้อหาในการสร้างบอร์ดเกมขึ้นมาใหม่ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจที่พื้นที่ของบอร์ดเกมจะแผ่ขยายไปถึงกลุ่มคนที่ชอบหนังสือเล่มนั้นอยู่แล้วได้ลิ้มลองรสชาติใหม่ ๆ ดูบ้าง เหมือนคนที่ชอบกินก๋วยเตี๋ยวเรือ แต่ลองมากินจากเชฟอีกคน ด้วยวิธีการปรุงแบบใหม่ หน้าตาแปลกใหม่ แต่ยังคงทานไปแล้วรู้ว่านี่คือก๋วยเตี๋ยวเรือ ก็คงทำให้ผู้บริโภคได้รับความรู้สึกใหม่ ๆ บ้าง

เปลี่ยนหนังสือให้เป็นบอร์ดเกม โจทย์ที่นักออกแบบต้องข้ามผ่าน
ล่าสุด สถาบันอุทยานการเรียนรู้ (TK Park) ร่วมกับสถาบันบอร์ดเกมเพื่อการเรียนรู้ (IBGL) จัดการประกวดออกแบบบอร์ดเกมสุดสร้างสรรค์ “Book on Board ปีที่ 4: เปลี่ยนหนังสือ(ไทย)ที่ชอบ เป็นบอร์ดเกม(ไทย)ที่ใช่” โดยตั้งโจทย์ให้นักออกแบบนำผลงานของนักเขียนไทยที่เข้าร่วมโครงการ มาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์บอร์ดเกม ซึ่งไม่เพียงแต่ส่งเสริมศักยภาพของนักออกแบบบอร์ดเกมไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลงานวรรณกรรม และสนับสนุนให้นักเขียนไทยเป็นที่รู้จักในวงกว้างยิ่งขึ้น มีหนังสือที่ส่งเข้ามาเป็นโจทย์ และมีผู้สมัครเข้าร่วมประกวดบอร์ดเกมจำนวนมาก และได้คัดเลือกจนเหลือ 12 ทีมเข้ารอบสุดท้าย ก่อนจะประกาศผลผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศ และรางวัลอื่นไป เมื่อ 19 ส.ค. ที่ผ่านมา

“TK Park มองไปยังอนาคต เราอยากสร้างวัฒนธรรมการอ่านและการเรียนรู้ที่พลิกแพลงข้ามสื่อ ข้ามศาสตร์ และข้ามพรมแดน เพราะความสนุกไม่มีภาษา และทุกวันนี้การแปลเนื้อหาข้ามภาษาก็ง่ายขึ้น ตลาดงานสร้างสรรค์ก็กว้างขึ้น เราจึงต้องมีเวทีส่งเสริมให้ผู้คนมาทำเรื่องที่ตนเองสนใจอย่างจริงจัง ต่อยอดได้ และพัฒนาผลงานคุณภาพหลากรูปแบบภายใต้แก่นเรื่องเดียวกัน” นายวัฒนชัย วินิจจะกูล รักษาการผู้ช่วยผู้อำนวยการสถาบันอุทยานการเรียนรู้ กล่าวในพิธีมอบรางวัล
ด้าน ณัฐ ฮุนตระกูล และ พีรดนย์ พิมพกรรณ ตัวแทนจากทีม AutoCat Studio ทีมที่ชนะเลิศในการประกวดออกแบบบอร์ดเกมโครงการ ‘Book on Board ปีที่ 4’ ซึ่งปีนี้โจทย์คือการเปลี่ยนหนังสือของนักเขียนไทย มาเป็นบอร์ดเกม โดย ทีม AutoCat Studio เลือกหนังสือ JOE the SEA-CRET Agent 01 / Plank ver. ของ สุทธิชาติ ศราภัยวานิช มาออกแบบเป็นเกม SEA-CRET Evidence ร่องรอยปริศนา มัจฉาพิศวง
ณัฐ เล่าถึงที่มาที่ทำให้ทีมเลือกหนังสือเล่มดังกล่าวมาเป็นโจทย์ในการออกแบบว่า เป็นเรื่องที่เคยอ่านตั้งแต่ จึงได้นำมาเสนอให้เพื่อนในทีมได้เลือก ซึ่งเมื่อได้ลองเล่าถึงเรื่องราวต่าง ๆ ก็ทำให้ทีมตัดสินใจเลือกหนังสือเล่มนี้เป็นโจทย์
อย่างไรก็ตาม การออกแบบบอร์ดเกม นอกจากโจทย์หนังสือที่ได้รับมาแล้ว ความท้าทายต่อมาที่นักออกแบบต้องเผชิญคือการออกแบบกลไกของเกมให้ยังคงความเป็นกลิ่นอายของหนังสือ ไปพร้อมกับต้องมั่นใจว่า ผู้เล่นจะได้รับประสบการณ์อันแสนเพลิดเพลินกลับไปพร้อมกัน
“ระหว่างเทสเราก็ได้ถามตัวคนที่มาเทสว่าชอบตรงไหน ไม่ชอบตรงไหน เฟสไหนของการเล่นที่รู้สึกว่าจังหวะนี้อืดจัง คนที่เริ่มรู้สึกว่าเออแบบฉันเป็นพยานแล้ว ฉันนั่งรอคนอื่นเล่นทีละตาเฉย ๆ เบื่อ เราก็เลยค่อย ๆ หาอะไรที่ประกอบให้เกิดความรู้สึกดีขึ้นเรื่อย ๆ” พีรดนย์ กล่าว

พีรดนย์ อธิบายว่าระหว่างการพัฒนาบอร์ดเกมในโครงการนี้ จะมีหลากหลายเมนเทอร์คอยเข้ามาให้คำแนะนำในการปรับปรุง ซึ่งล้วนแต่เป็นประโยชน์ทั้งสิ้น แต่ขณะเดียวกันเมื่อถึงจุดหนึ่งตัวของผู้พัฒนาอย่างทีม AutoCat Studio เองจะต้องเป็นผู้ตัดสินใจสุดท้ายว่า บอร์ดเกมที่กำลังจะพัฒนาควรจะเป็นไปในทิศทางไหนอย่างที่ควรจะเป็น หรือใกล้เคียงกับจุดที่เค้าโครงจากหนังสือได้สื่อออกไป
“สมมุติเรายอมฉีกไปให้ mechanic คมกว่านี้ อะไรมันดีกว่านี้ได้ไหม เราก็รู้สึกว่าอาจจะทำได้ แต่สุดท้ายถ้าคนที่เขาอยากมาเล่นเพราะชื่อของ ‘JOE the SEA-CRET Agent’ เข้ามาเล่น เขาจะสนุกหรอ จะเป็น JOE แบบที่เขาคาดหวังว่าจะได้มาเจอหรอ เพราะงั้นผมก็เลยรู้สึกว่าเราต้องแคร์ความรู้สึกของเขา” พีรดนย์ กล่าว
มากกว่าความสนุกของกลไกที่สามารถใส่เข้าไปได้อีก แต่ทีม AutoCat Studio ในฐานะของนักออกแบบที่ได้อ่านหนังสือ JOE the SEA-CRET Agent มาแล้ว พวกเขาไม่ใช่แค่ผู้ออกแบบ แต่ยังสวมบทบาทของการเป็นแฟนคลับหนังสือเล่มหนึ่งลงไป นั่นทำให้พวกเขาเป็นทีมที่เข้าใจถึงความสนุกของการเล่นบอร์ดเกม ไปพร้อมกับเข้าใจสิ่งที่หนังสือเล่มหนึ่งอยากนำเสนอออกมา โดยที่มีพวกเขาทำหน้าที่ปรับสมดุลสองสิ่งให้เข้ากัน โดยไม่ลดทอน หรือทำให้อีกสิ่งหลุดไปจากแก่นที่หนังสือพยายามสื่อสารออกมา
เมื่อนักเขียนสร้างบอร์ดเกมจากหนังสือของตัวเอง ความลื่นไหลของผลงานที่ไม่ถูกจำกัดขอบเขตเฉพาะที่
วาวี พรสิริภักดี หรือ ‘VAVEE’ หนึ่งในผู้เข้าร่วมประกวดบอร์ดเกมโครงการ Book on Board ปีที่ 4 ในทีม ‘มิ้นท์กะม้าย’ ซึ่งทีมของเธอสามารถคว้ารางวัลชมเชยมาได้ด้วยผลงานเกม ‘ขอแบบนี้พี่ตบนะ!’
ความพิเศษคือ VAVEE เธอเป็นนักเขียนเจ้าของผลงาน ‘ขอแบบนี้พี่ตบนะ!’ ซึ่งเป็นผลงานที่เธอใช้เป็นโจทย์ในการออกแบบบอร์ดเกมเอง นอกจากนี้ ผลงานหนังสือของเธออีกสองเรื่อง คือ ‘พระเจ้าช่วยกล้วยหัก’ และ ‘เจี๊ยบหงอน Combchick’ ต่างก็เป็นหนังสือที่เข้ารอบในโครงการ และมีทีมนักออกแบบบอร์ดเกมได้นำหนังสือของเธอไปใช้เป็นโจทย์ในการออกแบบเช่นกัน
VAVEE เล่าถึงเหตุผลที่เธอส่งผลงานทั้งสามเรื่อง รวมถึงร่วมเข้าประกวดออกแบบบอร์ดเกมว่า มีงานอดิเรกในการเล่นบอร์ดเกมอยู่แล้ว พอเห็นว่ามีโครงการ รู้สึกว่าเป็นแนวทางที่ชอบ และอยากจะสนับสนุน จึงส่งหนังสือเข้ามา
“ยอมรับว่าเราเริ่มมีภาพ (ในการออกแบบบอร์ดเกม) ตั้งแต่ส่งหนังสือของเราเข้าไป เพราะไม่รู้ว่าจะมีใครหยิบจับหนังสือของเรามาทำบอร์ดเกมมั้ย แต่เราจะรอคนอื่นทำไมถ้าเราสามารถหยิบเรื่องของเราที่คิดว่าเรื่องนี้สามารถสื่อสารออกมาเป็นบอร์ดเกมได้ชัดและดีที่สุดได้” VAVEE กล่าว

แม้ VAVEE จะมีโจทย์ของการออกแบบบอร์ดเกมโดยอิงมาจากผลงานของเธอเอง ซึ่งดูเหมือนจะเป็นข้อได้เปรียบ แต่อีกมุมหนึ่งกลับท้าทายให้ตัวเธอต้องเขยิบเนื้อหากลับมาอยู่ในจุดภาพรวมที่เนื้อหาไม่ลึกจนเกินไป ทำให้ผู้เล่นบอร์ดเกมสามารถเข้าใจเนื้อหาได้ง่าย
“ด้วยความที่เรารู้เนื้อเรื่องของเราอยู่แล้วว่ามันสนุกตรงไหน การหยิบลงมาเป็นบอร์ดเกมบางทีเราอาจจะหยิบในส่วนที่ลึกเกินไปหรือเปล่า แบบเรารู้คนเดียวหรือเปล่า คนอื่นอาจจะแบบ ฉันไม่เก็ตเรื่องนี้ เพราะฉันยังไม่รู้เนื้อเรื่องคร่าว ๆ เราอาจต้องกลับมามองเรื่องของเราแล้วก็ย่อยมันให้มากขึ้นว่าจุดภาพรวมที่คนทั่วไปเห็นแล้วจะเข้าใจได้ง่ายที่สุด แล้วเราจะสามารถดึงให้เขากลับมาจากบอร์ดเกมมาอ่านหนังสือด้วย” VAVEE กล่าว
VAVEE ถือเป็นนักเขียน และนักวาดที่ไม่เพียงจะร้อยเรียงเรื่องราวผ่านหนังสือได้อย่างน่าสนใจ และชวนน่าติดตามแล้ว เธอยังสามารถประยุกต์ผลงานของเธอขยายไปยังช่องทางต่าง ๆ ที่คนหลากหลายกลุ่มสามารถเข้าถึง และรู้จักผลงานของเธอได้ ไม่เพียงเจาะจงแต่นักอ่านตามพื้นที่ออนไลน์ที่ต่างกัน แต่ยังรวมไปถึงการออกแบบบอร์ดเกม ซึ่งเชื่อว่าจะมีผู้ที่เล่นบอร์ดเกมที่เธอออกแบบแล้วหันมาอยากอ่านหนังสือของเธอแน่นอน
“โครงการ (Book on Board ปีที่ 4) เปิดโอกาสให้นักวาด นักออกแบบ นักทำหนังสือ ได้มีโอกาสนำเสนอเนื้อเรื่องของตัวเองในรูปแบบอื่นมากขึ้น ที่มากกว่าฉันทำได้แต่หนังสือ เป็นการต่อยอดที่จะทำให้คุณจะไม่ได้หยุดแค่สิ่ง ๆ หนึ่ง สามารถต่อยอดพัฒนาทำให้เกิดรายได้ หรือทำให้คนเข้ามาสนใจในสิ่งที่เรานำเสนอได้มากยิ่งขึ้น” VAVEE กล่าว
พื้นที่ของบอร์ดเกม พื้นที่ของความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ในการแสดงออกอย่างเสรี
หากหนังสือเป็นสิ่งหนึ่งที่ผู้ประพันธ์ถ่ายทอดเนื้อหาที่ต้องการจะพูดออกมา บอร์ดเกมก็เป็นสิ่งหนึ่งที่นักออกแบบก็สามารถนำเสนอได้ไม่เพียงแค่กลไกความสนุกระหว่างการเล่น แต่รวมไปถึงสิ่งที่นักออกแบบเองอย่างพูด หรือถ่ายทอดออกมาให้คนเล่นเข้าใจ
ธนิสร์ วีระศักดิ์วงศ์ หรือ ‘สะอาด‘ นักเขียนการ์ตูนสะท้อนสังคม เจ้าของผลงาน ‘2475 นักเขียนผีแห่งสยาม’ ซึ่งเป็นหนึ่งในหนังสือที่ส่งเข้าประกวด โดยมีทีม Openbox ใช้เป็นโจทย์ในการออกแบบบอร์ดเกม 2475 The Ghost Writer

ผลงานของสะอาดเป็นผลงานที่งานที่ผลักดันเรื่องของเสรีภาพ สื่อ สิทธิมนุษยชน หรือประเด็นการเมือง ซึ่งในมุมมองของสะอาดแล้ว เขายินดีหากผลงานของเขาสามารถผลักดันไปในทุกพื้นที่ที่จะเป็นไปได้ หนึ่งในนั้นคือพื้นที่ของบอร์ดเกม ซึ่งเป็นเรื่องที่ท้าทายของผู้ออกแบบว่าจะทำอย่างไรให้เนื้อหาเหล่านี้ออกสู่พื้นที่ที่เป็นทางการได้ โดยที่ยังคงแก่นของหนังสือไว้
“ถ้าตัวงานชิ้นงานนี้มันจะไปต่อยอดในเชิงที่พื้นที่ที่เป็นทางการ คุณอาจจะต้องเซนเซอร์ตัวเองประมาณนึง แต่ว่ายังสามารถถ่ายทอดสปิริตของหนังสือที่มัน represent เสรีภาพของสื่อ หรือว่า free speech รวมถึง represent การส่งเสริมเรื่องสิทธิมนุษยชน หรือว่าข้อหลักการของรัฐธรรมนูญลงไปในบอร์ดเกมได้ ผมคิดว่าก็เป็นความท้าทายทั้งนั้น โดยที่ทำให้คนส่วนมากโอบรับปัญหาเหล่านี้” สะอาด กล่าว
สะอาด เล่าว่า สิ่งหนึ่งของการนำเสนอเนื้อหาทางการเมือง หรือเนื้อหาบางอย่าง อาจตกเป็นเป้าของการที่รัฐจะเพ่งเล็ง แต่เหตุผลหนึ่งคือเมื่อเราเล่าเรื่องเหล่านี้ผ่านภาษาใหม่ พูดในเชิงศิลปะ พูดในเชิงที่เป็นเรื่องแต่ง เป็นการนำเสนอที่ทางใหม่ที่สังคม หรือตลาดอาจจะไม่รับรู้สิ่งเหล่านี้ให้คนตีความไปต่อ มากกว่าจะพูดตรง ๆ
“เราเสนอมันแบบที่เราอยากเสนอ เรื่องที่เรารู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ดี เรื่องที่สนุก เรื่องที่มีความแหลมคมทางประเด็น เรื่องที่ตอบโจทย์ต่อเนื้อหาที่อยากจะเล่า แล้วผมก็ซื่อสัตย์กับมัน พอเป็นท่าทีแบบการ์ตูนก็มีความหมายที่ถ่ายทอดผ่านศิลปะก็จะไม่ถูกเพ่งเล็งอีกต่อไป สิ่งนี้น่าจะคล้ายกับบอร์ดเกม ในความเป็นศิลปะแล้ว ถ้ามันถ่ายทอดมาแล้วสื่อสารแบบ craft มาดี ๆ ก็มีทิศทางที่สามารถเล่าออกไปโดยที่ยังสามารถตอบโจทย์ในประเด็นที่เราอยากสื่อสารได้” สะอาด กล่าว
ทิศทางต่อไปของบอร์ดเกมไทย
แม้ความแพร่หลายของกระแสบอร์ดเกมในไทยอาจเริ่มได้รับการพูดถึงมากขึ้นในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา แต่ยังเป็นสิ่งใหม่สำหรับสังคมไทย อีกทั้งแม้เราจะเห็นกลุ่มคนที่มีความสามารถ และศักยภาพที่จะออกแบบผลงานที่มีคุณภาพ แต่ก็ยังเป็นเรื่องยากที่จะมีการผลักดันกลุ่มคนหน้าใหม่ที่มีศักยภาพให้สามารถพัฒนาผลงานได้อย่างต่อเนื่อง
สุทธิชาติ ศราภัยวานิช นักวาดการ์ตูนไทย เจ้าของผลงาน ‘JOE the SEA-CRET Agent’ อาจารย์ภาควิชาดิจิทัลมีเดีย มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า คนที่เล่นบอร์ดเกมอาจจะยังไม่กว้าง เหมือนจะจำกัดอยู่ที่วัยรุ่น กับคนที่สนใจบอร์ดเกม ซึ่งจริง ๆ แล้วบอร์ดเกมสามารถแผ่หลายไปได้กว้างกว่านี้ เพราะเป็นเกมที่ไม่จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรในการเล่น บอร์ดเกมกล่องหนึ่งพาไปที่ไหนก็ได้ นั่งเล่นตรงไหนก็ได้ หาเพื่อนมาเล่นด้วยกันแล้วก็สนุกไปด้วยกันได้
“ผมคิดว่าจริง ๆ แล้ว ข้อจำกัดอย่างนึงคือ ตลาดน่าจะใหญ่กว่านี้ได้เยอะ รวมทั้งอาจมีเนื้อหาที่หลากหลายขึ้นได้อีก ดูจากหลายปีที่ผ่านมาถึงปัจจุบัน โครงการบอร์ดเกมของไทยก็เติบโตพัฒนาไปเยอะ ผมว่าอนาคตอาจจะมีบอร์ดเกมที่สามารถไปตีตลาดต่างประเทศได้” สุทธิชาติ กล่าว

มุมมองของสุทธิชาติจะเห็นว่า ทิศทางของบอร์ดเกมโดยนักพัฒนาฝีมือคนไทย มีศักยภาพพอจะที่จะเดินทางไปถึงตลาดในต่างประเทศได้ สิ่งที่ประเทศไทยมีคือนักออกแบบที่มีจำนวนมากขึ้น มีสมาคมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ประกอบกับความหลากหลายของวัฒนธรรม ที่สามารถต่อยอดเป็นเรื่องราวลงในบอร์ดเกมได้มากมาย ซึ่งบทบาทของหน่วยงานรัฐ ในการส่งเสริม Soft Power จะเป็นส่วนหนึ่งของการทำบอร์ดเกมกลายเป็นสินค้าที่ขายได้ทั้งในและนอกประเทศ โดยต้องไม่ใช่แค่ปล่อยให้เป็นเรื่องของนักออกแบบเพียงอย่างเดียว
“รัฐเป็นส่วนสำคัญมากกับ Soft Power เพราะว่ารัฐสามารถส่งออก หรือสามารถไปออกบูธ ไปเสนอโน่นนั่นนี่ได้ แล้วก็เป็นการขายความเป็นไทยเนียน ๆ ซึ่งเงินมันก็จะกลับมาสู่ไทย อันนี้แหละมันคือหลักการของ Soft Power” สุทธิชาติ กล่าว
สุดท้ายนี้ บอร์ดเกมได้เปิดพื้นที่ หรือที่ทางที่คนกลุ่มต่าง ๆ สามารถนำไปใช้เป็นเครื่องมือเพื่อสื่อสารในสิ่งต่าง ๆ ได้ไกลกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอผลงานของนักเขียน องค์ความรู้ต่าง ๆ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม หรือแม้แต่การเมือง ที่ผู้คน โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น หรือคนที่ชอบเปิดตี้หาเกมเล่น ได้หยิบจับบอร์ดเกมใหม่ ๆ เปิดพื้นที่การถกเรื่องราวที่บอร์ดเกมที่หยิบมา มาพูดคุยในวงได้อย่างแนบเนียน และเป็นธรรมชาติ
สำหรับในฐานะของคน ๆ หนึ่งที่ชอบตั้งวงเล่นบอร์ดเกมกับเพื่อนแล้ว บอร์ดเกมไม่ใช่หนังสือเรียนที่คนจะมานั่งหยิบจับแล้วมานั่งคุยกันอย่างคร่ำเครียดเพื่อจดจำเนื้อหาไปเก็งข้อสอบ แต่อาศัยความเป็นเกมที่ผู้ออกแบบวางกลไกให้ผู้เล่นสนุกไปกับมัน สอดแทรกเนื้อหาระหว่างการเล่น จนรู้ตัวอีกทีก็พบว่า เราจำจดเรื่องราวที่้เกมใส่ไว้ได้มากขึ้น หรืออย่างน้อยก็ค้นพบว่า จำอะไรไม่ได้เลย แต่ก็ยังได้ความสนุก และประสบการณ์ที่ดีระหว่างการเล่น

เราอาจตีความการเล่นบอร์ดเกมได้แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่ผู้บริโภค หรือตัวของผู้เล่นเอง แต่ด้วยการมีอยู่ของบอร์ดเกมที่เริ่มถูกพูดถึงมากขึ้นในสังคมไทย อีกแง่หนึ่งก็เปิดพื้นที่ให้ศิลปิน หรือผู้มีความสามารถต่าง ๆ เข้ามาใช้พื้นที่นี้ในการนำเสนอผลงานที่สร้างสรรค์ที่พวกเขาต้องการสื่อสารไปพร้อมกับการให้ประสบการณ์ที่สนุกแก่ผู้เล่น เชื่อได้ว่าแรงสนับสนุนจากหลากหลายด้าน จะทำให้ศิลปินมีพื้นที่ให้ได้แสดงตัวตนและผลงานอย่างสรรค์ให้สังคมได้เห็นศักยภาพที่เปี่ยมล้นออกไปเป็นกว้างได้ รวมถึงไปสู่ระดับสากลในอนาคตต่อไป

ณัฐภัทร ตระกูลทวีสุข ผู้เขียน












