จาก ‘เคเคปาร์ค-ชเวก๊กโก่’ ปฏิบัติการทลายรังสแกมเมอร์ ของรัฐบาลเมียนมา – BGF เรื่องจริงหรือหลอกลวง
จาก ‘เคเคปาร์ค-ชเวก๊กโก่’ ปฏิบัติการทลายรังสแกมเมอร์ ของรัฐบาลเมียนมา – BGF เรื่องจริงหรือหลอกลวง เกมวัดใจผู้นำ BGF ชิงปราบปรามสแกมเมอร์ให้สิ้นซาก ก่อนจะสิ้นชื่อ !!
ทันทีที่กองกำลังพิทักษ์ชายแดน BGF ประกาศจะปราบปรามสแกมเมอร์ในเมือง ‘ชเวก๊กโก่’ เขตเศรษฐกิจพิเศษภายใต้การดูแลของ BGF ใน จ.เมียวดี ประเทศเมียนมา ตรงข้าม อ.แม่สอด จ.ตาก ช่วงค่ำของวันที่ 17 พฤศจิกายน 2568 ต่อเนื่องตลอดทั้งคืน ชาวจีนใน ‘ชเวก๊กโก่’ ต่างเก็บกระเป๋าเดินทาง อพยพหนีจากอาคารต่าง ๆนับพันคน
ปรากฏการณ์ ‘ผึ้งแตกรัง’ เกิดขึ้นอีกครั้ง หลังจากเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2568 ที่ ‘เคเคปาร์ค’ เขตเศรษฐกิจพิเศษภายใต้การดูแลของกองกำลัง BGF ที่ถูกเรียกว่า ‘เมืองสแกมเมอร์’ ที่ใหญ่ที่สุดรองลงมาจาก ‘ชเวก๊กโก่’
ปฏิบัติการทลายรังสแกมเมอร์ที่ ‘เคเคปาร์ค’ เกิดขึ้นจากการประกาศจะเข้ากวาดล้างสแกมเมอร์ โดยรัฐบาลเมียนมา ทำให้ชาวต่างชาติ 28 ประเทศ จำนวนกว่า 1,958 คน พากันหลบหนีข้ามแม่น้ำเมยมายัง อ.แม่สอด จ.ตาก และไทยได้ช่วยเหลือทางมนุษยธรรม นำตัวมาดำเนินคดีหลบหนีเข้าเมือง ผ่านกระบวนการคัดกรองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ตามกลไก NRM ซึ่งพบเหยื่อค้ามนุษย์ 5 ราย ที่เหลืออยู่ระหว่างการผลักดันกลับประเทศต้นทาง
หลังจากนั้น ‘เคเคปาร์ค’ ก็เละ เหลือแต่ซาก จากการใช้โดรนทิ้งระเบิด การวางระเบิด การใช้เครื่องจักร ทำลายอาคารสแกมเมอร์ใน ‘เคเคปาร์ค’ มากกว่า 100 หลัง อาคารหลายแห่งถล่มลงมา บางแห่งเหลือแต่ซากโครงเหล็ก ถือเป็นมาตรการรุนแรงที่รัฐบาลทหารเมียนมา ใช้ดำเนินการที่ ‘เคเคปาร์ค’
ซึ่ง BGF จำเป็นต้องเปิดทางให้รัฐบาลทหารเมียนมา แสดงบทบาทก่อนการประชุมสุดยอดอาเซียนที่มาเลเซีย ช่วง 26-28 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา อย่างที่ทราบกันดีว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มาร่วมประชุมด้วยตนเอง ท่ามกลางการประกาศสงครามกับอาชญากรรมสแกมเมอร์ และเมียนมา โดยเฉพาะผู้นำกองกำลัง BGF เป็นหนึ่งในเครือข่ายที่อยู่ในบัญชีติดตามสืบสวนของสหรัฐฯ เช่นเดียวกับประเทศจีน ที่กดดันผ่านการส่งตัวนาย เฉอ จื้อ เจียง เจ้าพ่อสแกมเมอร์ ผู้บุกเบิก ‘ชเวก๊กโก่’ กลับไปประเทศจีน และส่งตัวกลับไปแล้ว เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา

ในขณะที่ พล.อ.มิน อ่อง หล่าย ผู้นำเผด็จการทหารเมียนมา ก็ใช้ภาพปฏิบัติการที่ ‘เคเคปาร์ค’ มาฟอกตัวเอาเป็นผลงานในการปราบปรามสแกมเมอร์ ประกาศยกระดับเป็นวาระแห่งชาติ
ปฏิบัติการปราบปรามสแกมเมอร์ที่ ‘ชเวก๊กโก่’ ของกองกำลัง BGF จึงต้องประกาศชิงการนำ เปิดการปราบปรามด้วยตัวเอง ก่อนที่รัฐบาลทหารเมียนมา จะแสดงตัวเข้าปราบปรามและใช้มาตรการรุนแรงเหมือนใน ‘เคเคปาร์ค’ ที่สูญเสียทั้งเมืองไปแล้ว
‘ชเวก๊กโก่’ เป็นเมืองยุทธศาสตร์ที่ BGF จะต้องรักษาไว้ให้ได้ ไม่ให้ถูกทำลายแบบสิ้นซากอย่างใน ‘เคเคปาร์ค’ แม้จะต้องกวาดบ้าน สูญเสียเงินมหาศาล แต่เกมนี้ BGF จำเป็นต้องแสดงตัวให้ชัด
พ.อ.หน่าย มอซอ โฆษกกองกำลัง BGF ให้สัมภาษณ์ กับ The Reporters เขายืนยันว่าจุดยืนของการประกาศสงครามกับสแกมเมอร์ในชเวก๊กโก่ คือการรักษาชื่อเสียงเกียรติยศของคนกะเหรี่ยง ประชาชน รัฐกะเหรี่ยง ผู้นำ BGF และประเทศเมียนมา แสดงให้คนทั้งโลกได้เห็นว่า เราไม่นิ่งเฉยต่อความเดือดร้อนของประชาชน หลังจากที่เคยปราบปรามไปครั้งแรกเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มีการจับกุมและช่วยเหลือชาวต่างชาติได้ 10,324 คน ส่งกลับประเทศไปแล้ว 9,057 ในจำนวนนั้นกว่า 5,000 คน เป็นชาวจีน ที่เหลืออีกกว่า 40 ประเทศมาจากทั่วโลก ทั้งแอฟริกา และเอเชีย
แต่ในเวลาเพียงกว่า 8 เดือน จำนวนคนนับหมื่นคน กลับเข้าไปใน ‘เคเคปาร์ค’ และ ‘ชเวก๊กโก’ อีกครั้ง !! กลับมาเปิดสแกมเมอร์ ได้อีก จึงต้องตั้งคำถามอย่างหนักว่า ขบวนการสแกมเมอร์ นำคนต่างชาติเหล่านั้น กลับเข้าไปในเมียวดีได้อย่างไร เป็นคนที่เข้ามาใหม่ ซึ่งแน่นอนต้องนั่งเครื่องบินมาลงสนามบินสุวรรณภูมิ หรือ ดอนเมือง แล้วถูกนำตัวมาที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ก่อนถูกนำพาข้ามแม่น้ำเมย ไปเมืองเมียวดี กระจายตัวไปตามแหล่งสแกมเมอร์ต่างๆ
จากจำนวนคนจีนที่พากันหนีตาย เมื่อคืนนี้ใน ‘ชเวก๊กโก่’ ก็มีจำนวนกว่า 1,000 คนแล้ว ไม่นับชาวต่างชาติที่คาดว่ายังถูกกักขังทำงานอยู่ในอาคารสแกมเมอร์ ซึ่งกองกำลัง BGF จะนำกำลังเข้าจับกุมในเช้าวันนี้ อีกไม่ต่ำกว่า 1,000 คน
ชาวต่างชาติและคนจีนที่หนีการจับกุม แน่นอนว่าจะต้องหลบหนีข้ามมาฝั่งไทย กระบวนการในการรับตัวชาวต่างชาติ จะเริ่มต้นอีกครั้ง ไทยต้องรับหน้าที่ในการคัดกรองและส่งกลับคนเหล่านี้อีกครั้ง
เราไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้ เพราะอย่างที่ทราบ ตั้งแต่เดือน มีนาคม 2568 ไทยรับตัวชาวต่างชาติจากเมียวดี ส่งกลับออกไปเกือบ 10,000 คน แล้วปล่อยให้คนเหล่านั้นกลับเข้าไปอีกครั้ง ก็ต้องผ่านประเทศไทย

จากการสำรวจของ The Reporters นอกจากที่ ชเวก๊กโก่ ที่จะมีไม่ต่ำกว่า 2,000 คน ยังมีอีกนับ 10,000 คน ที่กระจายตัวอยู่ในอาคารสแกมเมอร์อีกหลายแห่ง ซึ่งไม่ได้ทำในลักษณะเป็นเมืองใหญ่แบบ ชเวก๊กโก่ หรือ เคเคปาร์ค แต่มีการสร้างอาคารอยู่หลายแห่ง กระจายตัวอยู่ในเมืองเมียวดี และนอกเมืองออกไป
นอกจากนี้แก๊งสแกมเมอร์ชาวจีน ใช้วิธีการดาวกระจายไปสร้างอาคาร หรือเช่าตึกในเมืองใหญ่ ทั้งย่างกุ้ง และมัณฑะเลย์ เปิดตึกสแกม ดำเนินธุรกิจต่อไป แม้จะมีการปราบปรามหรือถูกกดดันอย่างหนักจากทั่วโลก
จึงเป็นเรื่องธรรมดา ที่ถูกมองว่าปฏิบัติการปราบปรามสแกมเมอร์ของรัฐบาลเมียนมา และกองกำลัง BGF จะเป็นการแสดงละคร หรือหนังฟอร์มยักษ์ เหมือนครั้งที่แล้ว เพราะเราเห็นหลักฐานเชิงประจักษ์แล้วว่า แก๊งสแกมเมอร์กลับมาทำงานตามปกติ ไม่เคยหายไปไหน เช่นเดียวกับการมีคำถามว่า ในเมื่อกวาดล้างจริง แล้วคนพวกนี้กลับมาทำงานต่อเนื่องได้อย่างไร
ในขณะที่ BGF ประกาศว่าไม่เกี่ยวข้อง และให้เพียงการเช่าสถานที่เท่านั้น ในขณะที่สหรัฐอเมริกา ประกาศคว่ำบาตรทางการเงินผู้นำ BGF ที่นำโดย พ.อ.หม่อง ชิตตู่ และครอบครัวไปแล้ว
จากปฏิบัติการที่ ‘เคเคปาร์ค’ ถึง ‘ชเวก๊กโก่’ เรื่องจริงหรือหลอกลวง ในแง่การปฏิบัติเราเห็นภาพการเข้าจับกุม การทำลายตึกอาคาร ก็ต้องบอกได้ว่าเป็นเรื่องจริง แต่จะหลอกลวง ทำเพื่อสร้างภาพให้เห็นว่าปราบปราม และไม่เกี่ยวข้องนั้น คงไม่มีใครเชื่ออีกแล้ว
ปฏิบัติที่ ‘ชเวก๊กโก่’ จึงเป็นโอกาสสุดท้ายที่กองกำลัง BGF จะมีโอกาสฟอกตัว หากต้องการเรียกศักดิ์ศรีคนกะเหรี่ยง และรัฐกะเหรี่ยงกลับคืนมาจริง BGF จะต้องวางมือจากธุรกิจสีเทาดำเหล่านี้ ให้สิ้นซากอย่างแท้จริง ก่อนที่ BGF และ ผู้นำ BGF จะถูกถอนรากถอนโคน และสิ้นชื่อ เสียเอง !!!
รายงาน : ฐปณีย์ เอียดศรีไชย













