FEATURE

เปิดโลกธุรกิจสายเขียว EP.1: เริ่มรู้จัก 3 ธุรกิจกัญชารายใหญ่ในตลาดอเมริกัน

หลังจากที่กฏหมายเกี่ยวกับกัญชาในไทยเริ่มผ่อนคลาย “ธุรกิจสายเขียว” ที่เกี่ยวข้องกับกัญชาในหลายรูปแบบ ก็เริ่มเป็นที่สนใจ ทั้งในด้านการปลูก, แปรรูป, ใช้ทางการแพทย์, ไปจนถึงการนำไปเป็นส่วนผสมอาหารและเครื่องดื่ม ฯลฯ

ในต่างประเทศหลายๆแห่ง ธุรกิจที่เกี่ยวกับกัญชา (cannabis) มีมานานแล้วทั้งรายเล็กและรายใหญ่ และหลายรายก็เป็นถึงบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์

ตัวอย่างเช่นในสหรัฐอเมริกา ที่มีอย่างน้อย 3 บริษัทคือ บริษัท Cresco Labs, บริษัท GrowGeneration, และบริษัท Innovative Industrial Property ที่ประสบความสำเร็จกับธุรกิจกัญชา

ในไทยเองก็มีบริษัทในตลาดหุ้นหลายแห่ง ที่เพิ่มธุรกิจเกี่ยวกับกัญชา ทำให้ราคาหุ้นหวือหวาขึ้นมากมาย ซึ่งเราจะยังไม่มากล่าวถึง ณ ตอนนี้ เพราะส่วนใหญ่เพิ่งเริ่มต้น หรือหลายรายก็ยังมีแค่แผน เนื่องจากเราเพิ่งได้รับโอกาสและไทยเพิ่งปลดล็อกกัญชาจากบัญชียาเสพติดได้สำเร็จ

แต่เราจะเริ่มบทความชุดนี้ ด้วยการไปรู้จักบริษัทใหญ่ๆในวงการกัญชาต่างประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ว่าแต่ละรายทำธุรกิจอะไร ขายอะไรบ้าง ซึ่งแน่นอนว่าทั้งหมดนี้จะเป็นต้นแบบให้ธุรกิจต่างๆและผู้เกี่ยวข้องในไทยต่อไป

ภาพ: cresco lab

Cresco Labs ขายตั้งแต่เมล็ด, สารสกัด, อุปกรณ์สูบ, แคปซูล, น้ำมัน, ไปยันขนม

เริ่มจากบริษัท Cresco Labs (เครสโค แลบส์) ซึ่งทำธุรกิจค้าส่งสารพัดผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับกัญชารายใหญ่ที่สุดในอเมริกา โดยมีส่วนแบ่งตลาดถึง 60% จากสินค้าหลากหลาย

ตัวอย่างเช่นผลิตภัณฑ์แนววัตถุดิบ คือเมล็ดพันธุ์กัญชาสำหรับการนำไปปลูกหรือไปแปรรูป, ผลิตภัณฑ์สารสกัดจากกัญชายี่ห้อ “Remedi” (เรเมดี) ในรูปแบบทิงเจอร์, แคปซูล, น้ำมัน และยังมีเครื่องมือสูบกัญชา ในรูปแบบ “ตลับปากกา” (Vape Pen)

รวมไปถึงสินค้าอุปโภคบริโภคใกล้ตัวคนทั่วไป เช่น ขนมและอาหารที่มีส่วนผสมของกัญชา เช่นยี่ห้อ “Mindy’s” (มินดีส์) ด้วย

โดยจากข้อมูลล่าสุด รายได้ของบริษัท Cresco Labs เมื่อปี 2020 นั้นสูงถึงราว 760 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนปีล่าสุดที่ผ่านไปคือ 2021 นั้น แค่สามไตรมาสแรกก็แซงปีที่แล้วทั้งปี และคาดว่าจะรายงานรายได้ทั้งปีถึงเกือบ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯได้

เท่านั้นไม่พอ บริษัทเครสโคแลบส์ยังทำธุรกิจร้านขายยาในชื่อร้าน “SunnySide” ที่ในร้านเต็มไปด้วยผลิตภัณฑ์กัญชาเพื่อใช้ทางการแพทย์

ภาพ: Sunnyside

ร้านขายยา “ซันนี่ไซด์” นี้เปิดแล้ว 29 สาขาใน 6 รัฐทั่วสหรัฐอเมริกา โดยรับเฉพาะลูกค้าอายุ 18 ปีขึ้นไปเท่านั้น และก็มีอยู่ 3 สาขาใน 3 รัฐที่ขายผลิตภัณฑ์กัญชาเพื่อความผ่อนคลายที่ไม่เกี่ยวกับการแพทย์แต่อย่างใดด้วย แต่สินค้าประเภทนี้ผู้ซื้อต้องมีอายุ 21 ปีขึ้นไป

และล่าสุด บริษัทเครสโคแลบส์ได้เข้าซื้อบริษัทค้าปลีกกัญชารายอื่นด้วย คือบริษัท Bluma Wellness ในรัฐฟลอริดา ซึ่งเป็นรัฐที่ความนิยมผลิตภัณฑ์กัญชากำลังขยายเพิ่มอย่างรวดเร็ว

แม้บริษัท Cresco Labs จะทำธุรกิจในสหรัฐอเมริกา แต่ว่ากลับจดทะเบียนเข้าตลาดหุ้นแคนาดาแทน ในชื่อย่อหุ้นว่า CL เพราะตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์คยังไม่รับจดทะเบียนบริษัทที่ทำธุรกิจกัญชา

ภาพ: Glass Door GrowGeneration

GrowGeneration ขายอุปกรณ์และระบบปลูกแบบไร้ดิน ให้ผู้ปลูกรายย่อยหรือตามบ้าน

บริษัทต่อมาคือ GrowGeneration ทำธุรกิจขายอุปกรณ์และระบบปลูกกัญชาแบบไม่ใช้ดิน หรือที่เรียกว่าวิธี “hydroponics” โดยขายอุปกรณ์และสารอาหารและสิ่งต่างๆเกี่ยวกับการปลูกกัญชาแบบออกานิกส์อย่างครบวงจร

ทั้งนี้หลายๆรัฐในอเมริกามีจำนวนผู้ปลูกกัญชารายย่อยมากขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งคนกลุ่มนี้ก็คือกลุ่มเป้าหมายหลักของ GrowGeneration ซึ่งมีสาขาร้านค้ามากถึง 50 สาขากระจายไปใน 11 รัฐทั่วอเมริกา

บริษัท โกรว์เจเนอเรชั่น นี้ยังได้ขยายกิจการ โดยเข้าซื้อบริษัทที่ชำนาญด้านเดียวกัน อย่างบริษัท Sandiago Hydropronics And Organics ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นรัฐที่ค่อนข้างเปิดเสรีกัญชาเป็นอันดับต้นๆในอเมริกาและในโลกด้วย

ปัจจุบัน บริษัท GrowGeneration จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แนสแดค ในชื่อย่อ GRWG โดยมีรายได้ปี 2020 ราว 192 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ( เกือบ 6 พันล้านบาท ) โตจากปี 2019 ถึงกว่าเท่าตัว

ส่วนปี 2021 ที่ผ่านมาก็ทำรายได้กว่า 3ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ( ราว1หมื่นล้านบาท ) เติบโตต่อเนื่องไปอีกเกือบ 80%

ภาพ Cannabis Tech

Innovative Industrial Property หรือ IIPR ขายกองทุน นำเงินไปร่วมหุ้นและซื้อที่ดินจากผู้ปลูก

อีกบริษัทที่แตกต่างออกไป คือบริษัทจัดการกองทุน Innovative Industrial Property หรือ IIPR ซึ่งเป็นกองทุนอสังหาริมทรัพย์ (REIT) สำหรับอุตสาหกรรมกัญชาเพื่อการแพทย์ในสหรัฐโดยเฉพาะ

กองทุนนี้มีชื่อย่อว่า IIPR ขายกองทุนที่มีผลตอบแทน แล้วนำเงินนั้นไปถือหุ้นผู้ประกอบการที่มีใบอนุญาตปลูกกัญชา

เงื่อนไขก็คือฝ่ายผู้ปลูกนั้น ต้องนำที่ดินที่จะปลูกกัญชา มาขายให้บริษัท IIPR นี้ก่อน แล้วทางบริษัทจะให้ผู้ปลูกรายนั้นๆเช่าอสังหาริมทรัพย์ของตัวเองในการปลูก

วิธีนี้จะทำให้ฝ่ายผู้ปลูกรายย่อยมีเงินไปหมุนใช้ซื้อเมล็ดพันธุ์ อุปกรณ์ ปุ๋ย และค่าใช้จ่ายต่างๆ แล้วจากนั้นเมื่อมีรายได้และกำไรก็แแบ่งสรรปันผลให้ทางบริษัท IIPR ด้วย

ทุกวันนี้กองทุน IIPR ยังซื้อที่ดินจากผู้ปลูกกัญชามาเข้ากองทุนเพิ่มเรื่อยๆอย่างสม่ำเสมอ ทำให้กองทุน Innovative Industrial Property หรือ IIPR นี้ทำรายได้ต่อปีได้ถึงกว่าร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า 3 พันล้านบาท

กองทุนนี้เติบโตกว่าเท่าตัวในปีที่ผ่านมา และปันผลให้กับผู้ถือกองทุนได้ประมาณ 3% ถึง 4% แล้วแต่ว่าผู้ซื้อนั้นเข้นซื้อจากตลาดหลักทรัพย์มาในราคาไหน

ภาพ: cresco lab

คงเริ่มเห็นภาพแล้วว่าธุรกิจต่างๆที่อยู่รอบกัญชา (cannabis) นั้นมีได้หลากหลาย ผลิตสินค้าสารพัดรูปแบบไปสู่ชั้นวางสินค้าในร้านต่างๆประเภท …และนอกจาก 3 บริษัทนี้ก็ยังมีบริษัทอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งเราจะทยอยเลือกสรรมานำเสนอต่อไป … รวมถึงมาดูการเปิดโอกาสทางธุรกิจและผลประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจของไทย และผู้ประกอบการไทยจากการปลดล็อกกัญชาครั้งนี้อีกด้วย

Related Posts

Send this to a friend