ENVIRONMENT

ผู้เชี่ยวชาญ-นักวิชาการจี้รัฐเร่งตรวจสอบสารปนเปื้อนแม่น้ำสาย-กลัวแพร่กระจาย หลังฝนตกหนัก

วันนี้ (29 เม.ย. 68) ตั้งแต่ช่วงเช้ามืดได้เกิดฝนตกหนักในพื้นที่ตอนบนของลุ่มน้ำสาย ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำสายค่อยๆ เพิ่มสูงขึ้นและเริ่มไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่ชุมชนในเขตอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ตั้งแต่เวลาประมาณ 12.00 น. โดยเฉพาะบริเวณตลาดสายลมจอย บ้านเกาะทราย และบ้านไม้ลุงขน ทำให้ประชาชนต้องเร่งขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูงและเคลื่อนย้ายรถยนต์ออกจากพื้นที่เสี่ยง ต่อมาเวลาประมาณ 15.00 น. นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงานได้ลงพื้นที่สำรวจสถานการณ์ ขณะที่ทหารจากกรมการทหารช่างและกำลังพลจากมณฑลทหารบกที่ 37 ได้นำกระสอบทรายขนาดใหญ่ (บิ๊กแบ็ก) เข้าปิดกั้นจุดที่น้ำทะลัก ทำให้ระดับน้ำค่อยๆ ลดลงจนกลับสู่ภาวะปกติในเวลาประมาณ 14.20 น.

นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า สาเหตุหลักของน้ำท่วมครั้งนี้เกิดจากฝนที่ตกหนักในฝั่งประเทศเมียนมา วัดปริมาณน้ำฝนได้ 69 มิลลิเมตร ประกอบกับตะกอนดินที่ทับถมในลำน้ำสายจากเหตุการณ์น้ำท่วมในปีที่ผ่านมา ทำให้ลำน้ำตื้นเขินและมีความสามารถในการรับน้ำน้อยลง น้ำจึงล้นตลิ่งเข้าท่วมชุมชน สำหรับการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนคือการใช้บิ๊กแบ็กปิดกั้นจุดที่น้ำทะลักเข้ามา

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ยังระบุถึงปัญหาการก่อสร้างรุกล้ำลำน้ำซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการระบายน้ำและการขุดลอก โดยได้ขอความร่วมมือประชาชนรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำ พร้อมแจ้งว่าจังหวัดมีแผนดำเนินการเสริมความแข็งแรงของแนวตลิ่งและกำแพงกั้นน้ำตลอดแนวลำน้ำให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 20 มิถุนายนนี้ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยแก่ชุมชนริมแม่น้ำสาย และเน้นย้ำว่าการรุกล้ำลำน้ำไม่เพียงผิดกฎหมายไทย แต่ยังอาจถือเป็นการล่วงล้ำอธิปไตยของประเทศเพื่อนบ้านด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้น้ำเข้าท่วมได้ง่ายแม้ปริมาณน้ำไม่สูงมากนัก เนื่องจากขณะนี้กรมการทหารช่างกำลังดำเนินการเตรียมพื้นที่ริมลำน้ำสายเพื่อติดตั้งพนังกั้นน้ำถาวร ทำให้ต้องมีการรื้อแนวกั้นน้ำชั่วคราวบางส่วนออกไปเพื่อนำเครื่องจักรเข้าทำงาน เมื่อเกิดน้ำหลากจากต้นน้ำจึงไม่มีสิ่งกีดขวาง ทำให้น้ำทะลักเข้าท่วมชุมชนอย่างรวดเร็ว จนต้องเร่งนำบิ๊กแบ็กกลับมาปิดกั้นเป็นการฉุกเฉิน

ด้าน นางสมพร เพ็งค่ำ นักวิจัยอิสระและผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาระบบประเมินผลกระทบทางสุขภาพโดยชุมชน (CHIA Platform) แสดงความเห็นว่า เหตุการณ์น้ำท่วมริมแม่น้ำสายครั้งนี้ยังคงแฝงความเสี่ยงเดิม เนื่องจากน้ำและดินโคลนอาจมีการปนเปื้อนมลพิษจากแหล่งทำเหมืองทองในพื้นที่ต้นน้ำ การสัมผัสน้ำหรือดินโคลนในระยะแรกอาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองหรือคันตามผิวหนัง หากสัมผัสเป็นประจำอาจเกิดอาการเรื้อรังและมีโอกาสที่มลพิษจะสะสมเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว

นางสมพร กล่าวว่า แม้โอกาสรับมลพิษผ่านการดื่มกินอาจน้อย เพราะประชาชนส่วนใหญ่คงไม่ใช้น้ำที่ขุ่นในการอุปโภคบริโภค ยกเว้นกลุ่มเปราะบางที่เข้าไม่ถึงน้ำสะอาดซึ่งมีความเสี่ยงสูงสุด แต่ประเด็นที่น่าติดตามคือการจัดการดินโคลนที่มากับน้ำท่วม หากจัดการไม่ถูกวิธี อาจทำให้สารหนูและโลหะหนักอื่นๆ แพร่กระจายไปยังพื้นที่อื่นได้ ข้อเสนอคือ ภาครัฐต้องดูแลให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงน้ำสะอาด ไม่ผลักภาระให้ประชาชนต้องซื้อน้ำใช้เอง เร่งประสานงานเพื่อจัดการแหล่งกำเนิดมลพิษต้นน้ำ และกำหนดมาตรการจัดการดินโคลนอย่างถูกหลักวิชาการเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของสารพิษ

ขณะที่ ดร.สืบสกุล กิจนุกร อาจารย์ประจำสำนักนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เสนอแนะว่า ภาครัฐควรเร่งดำเนินการติดตั้งระบบเตือนภัยล่วงหน้าในแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย จัดทำแผนรับมือน้ำท่วมที่ชัดเจนพร้อมเส้นทางและศูนย์อพยพ รวมถึงจัดให้มีการซ้อมแผนอย่างสม่ำเสมอ และที่สำคัญคือ ควรมีการตรวจสอบการปนเปื้อนของสารหนูในแม่น้ำสายจากเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้โดยด่วน

Related Posts

Send this to a friend