ซิเนอร์เจีย แอนนิมอล หนุนเลือก ‘ไข่ไก่อารมณ์ดี’ ใส่ใจสุขภาพและสวัสดิภาพสัตว์

ซิเนอร์เจีย แอนนิมอล องค์กรพิทักษ์สัตว์สากล และผู้นำในการส่งเสริมสวัสดิภาพสัตว์ในประเทศไทย ยกระดับคุณภาพชีวิตของสัตว์ในฟาร์มผ่านการวิจัยและการรณรงค์อย่างสงบ สร้างความตระหนักรู้ให้แก่ผู้บริโภคถึงความสำคัญของอาหารที่มีจริยธรรม ผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในภาคการเกษตร โดยเฉพาะการรณรงค์ให้เลี้ยงไก่แบบปลอดกรง ตอบโจทย์ทั้งในเชิงจริยธรรมและสุขภาพของผู้บริโภค
ศนีกานต์ รศมนตรี ผู้อำนวยการ ซิเนอร์เจีย แอนนิมอล ประเทศไทย กล่าวว่า การเลี้ยงไก่แบบปลอดกรงคือการมอบสิ่งจำเป็นต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีต่อแม่ไก่ การผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสู่ระบบนี้ไม่เพียงแต่เป็นการดูแลคุณภาพชีวิตของสัตว์ แต่ยังเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมอาหารไทยที่ใส่ใจทั้งสวัสดิภาพสัตว์และนำไปสู่การสร้างระบบอาหารที่ยั่งยืน
การศึกษาพบว่าแม่ไก่ที่เลี้ยงแบบปลอดกรงมีความเครียดน้อยลง ลดปัญหาด้านกระดูกที่ก่อให้อาการเจ็บปวดได้ และได้ไข่ไก่ที่มีโอกาสปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียซัลโมเนลลาต่ำกว่า การเลี้ยงไก่แบบปลอดกรงจึงเป็นการลงทุนระยะยาวที่ส่งผลดีต่อทั้งสัตว์และมนุษย์ นอกจากจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคในสัตว์แล้ว ยังเป็นการสร้างระบบอาหารที่ยั่งยืนและปลอดภัยสำหรับทุกคน
ปัจจุบันผู้บริโภคชาวไทยยุคใหม่หันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพและจะใส่ใจกับแหล่งที่มาและส่วนผสมของอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น การเลือกไข่ไก่อารมณ์ดีที่ได้จากไก่เลี้ยงแบบปลอดกรง จึงกลายเป็นเทรนด์ใหม่ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก และการเลือกซื้อไข่ไก่อารมณ์ดียังเป็นการสนับสนุนการเลี้ยงสัตว์อย่างมีจริยธรรมอีกด้วย
ไข่ไก่อารมณ์ดี เกิดจากการเลี้ยงไก่ในสภาพแวดล้อมที่แม่ไก่สามารถมีอิสระ ต่างจากระบบกรงตับที่จำกัดการเคลื่อนไหวและก่อให้เกิดความเครียดแก่สัตว์ การเลี้ยงแบบปลอดกรงช่วยให้แม่ไก่ได้ใช้ชีวิตที่ดีกว่าในพื้นที่กว้างขวาง สามารถเดินเล่น กางปีก และแสดงพฤติกรรมตามธรรมชาติได้ การเลี้ยงแบบนี้ไม่เพียงแต่ส่งเสริมสวัสดิภาพสัตว์ แต่ยังสร้างระบบอาหารที่ยั่งยืนยังอีกด้วย
“ในฐานะผู้บริโภค พวกเราทุกคนมีอำนาจในการเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ การเลือกซื้อไข่ไก่อารมณ์ดี คือการลงคะแนนเสียงสนับสนุนการเลี้ยงสัตว์อย่างมีมนุษยธรรม และเป็นการส่งสัญญาณไปยังอุตสาหกรรมอาหารว่าผู้บริโภคต้องการอะไร องค์กรของเราหวังว่า พวกเราสามารถใช้พลังของผู้บริโภคในการผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนในอุตสาหกรรมอาหารได้” ศนีกานต์ กล่าว