ENVIRONMENT

ภาคีเซฟบางกลอยจัดกิจกรรมจี้หยุดมรดกโลกกลุ่มป่าแก่งกระจาน

ภาคีเซฟบางกลอยจัดกิจกรรมจี้หยุดมรดกโลกกลุ่มป่าแก่งกระจาน ชี้ยังไม่แก้ปัญหาปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน ขว้างสีแดงใส่ป้าย ทส. เหตุ 2 นักต่อสู้เพื่อสิทธิชาติพันธุ์ถูกสังหาร ชี้เป็นตราบาปบนคราบเลือดประชาชน ด้านมูลนิธิผสานวัฒนธรรมชี้ มี 9 ประเทศเตรียมหนุนกลุ่มป่าแก่งแก่งกระจานเป็นมรดกโลกวันนี้

วันที่ 26 กรกฎาคม 2564 เวลาประมาณ 09.00 น. กลุ่มภาคีเซฟบางกลอยจัดกิจกรรม ณ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ย้ำจุดยืนให้ UNESCO ชะลอการขึ้นทะเบียนกลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก สมัยสามัญ ครั้งที่ 44 ในวันนี้เวลาประมาณ 16.30 น. ตามเวลาประเทศไทย จนกว่าปัญหาสิทธิของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงบางกลอยจะคลี่คลาย พร้อมทั้งอ่านแถลงการณ์ยืนยันมีนักสิทธิฯ เสียชีวิตในระหว่างการต่อสู้ 2 คน และชุมชนยังไม่ได้รับความเป็นธรรม

เวลา 09.52 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ ได้อ่านประกาศการใช้อำนาจตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ยืนยันว่าการจัดกิจกรรมดังกล่าวอาจนำไปสู่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ต้องยุติการจัดกิจกรรมภายใน 30 นาที หากยังไม่สลายตัวจะดำเนินการตามกฎหมาย

“วันนี้ 16.00 น. จะมีการพิจารณาเรื่องมรดกโลก แต่ตอนนี้ยังมีการอ้าง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ อ้างโควิด แต่เรื่องมรดกโลกเป็นเรื่องสำคัญ เพราะกระบวนการต่างๆ ยังไม่มีการแก้ไขปัญหาอย่างชัดเจน อยู่ดีๆ จะไปล็อกคอชาวบ้าน พี่ตำรวจที่นี่ก็เดือดร้อนไม่ต่างกับชาวบ้านหรอก แล้วอยู่ดีๆ มันมีคนฉวยโอกาสในการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกไง แล้วชาวบ้านที่เขาอยู่มาตั้งแต่บรรพบุรุษเขาจะอยู่ที่ไหน ผมก็ขอให้แก้ปัญหาก่อน เลื่อนไปก่อน ใช้สิทธิในนามประชาชนเต็มที่” ธัชพงศ์ แกดำ ผู้แทนกลุ่มภาคีเซฟบางกลอย กล่าว

ต่อมาภาคีฯ ได้ร่วมกันกิจกรรมติดสติ๊กเกอร์บริเวณป้ายกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) และรั้วประตู ทส. โดยสติ๊กเกอร์มีข้อความเช่น ชาติพันธุ์ก็คือคน คุณกลับบ้านกี่ชั่วโมง คนบางกลอยไม่มีบ้านให้กลับ มรดกโลก มรดกเลือด เป็นต้น

ด้าน อิชย์อาณิคม์ ชิตวิเศษ เจ้าหน้าที่สื่อสาร มูลนิธิผสานวัฒนธรรม เผยว่า วันนี้จะมีมติพิจารณาว่ากลุ่มป่าแก่งกระจานจะได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกหรือไม่ ซึ่งจะมีการพิจารณากันในวันนี้ 16.30 น. ตามเวลาประเทศไทย เหตุผลว่าทำไมรัฐบาลต้องเร่งรัดในการขึ้นทะเบียนมรดกโลกกลุ่มป่าแก่งกระจานในครั้งนี้นั้น เนื่องจากรัฐบาลไทยได้ยื่นเรื่องขอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกไปตั้งแต่ปี 2557 ซึ่งเป็นปีที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาทำรัฐประหารขึ้นมาเป็นรัฐบาลในระบอบเผด็จการ หลังจากนั้นมีการปัดตกมาทุกครั้งเนื่องจากคณะกรรมการมรดกโลกทั้งหมดมีมติไม่รับรองการขึ้นทะเบียนมรดกโลกทางธรรมชาติ เพราะรัฐบาลไทยยังไม่ได้แก้ไขปัญหาสิทธิชุมชนดั้งเดิม

“พื้นที่แห่งนี้มีกฎหมายทับซ้อนกันมากมาย พื้นที่นี้ไม่ได้ต่างอะไรกับอุทยานแห่งชาติ เพราะเป็นการให้อำนาจเจ้าหน้าที่ในการจัดการกับชาวบ้านได้ แม้ว่าจะมีการแก้ไขกฎหมายอะไรก็ตาม แต่ก็เป็นเพียงการบัญญัติไว้ในกระดาษ แต่ในทางปฏิบัติไม่เคยเกิดขึ้นจริง การตั้งคณะกรรมการขึ้นมาแก้ไขปัญหาก็ตั้งในนาม ไม่มีการประชุมหรือมีมติให้เกิดการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมสักที” อิชย์อาณิคม์ กล่าว

ผู้แทนมูลนิธิผสานวัฒนธรรมยังกล่าวว่า วันนี้ 16.30 น. จะเป็นเวลาชี้ชะตาว่ากลุ่มป่าแก่งกระจานจะได้รับการรับรองเป็นมรดกโลกหรือไม่ ซึ่งจริงๆ เมื่อวานช่วงเช้าในเว็บไซต์ของนูเยสโกได้เผยแพร่ร่างคำพิจารณาว่าจะมีมติให้กลุ่มป่าแก่งกระจานได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยมีประเทศรัสเซีย จีน โอมาน ซาอุดีอาระเบีย สเปน เอธิโอเปีย เซนต์คิตส์แอนด์เนวิส มาลี และไทย รับรองแล้ว นั่นหมายความว่านี่คือการล็อบบี้ครั้งยิ่งใหญ่ที่รัฐบาลไทยทำกับรัฐบาล 9 ประเทศ เพื่อให้รัฐบาลไทยได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแม้จะยังไม่มีการแก้ไขปัญหาในระดับพื้นที่

หลังจากนั้น ผู้แทนภาคีฯ ได้อ่านแถลงการณ์เรื่อง มรดกโลก (ต้อง) ไม่ใช่มรดกเลือด รัฐไทยต้องแก้ปัญหา “สิทธิมนุษยชน” ก่อนขึ้นทะเบียนมรดกโลกกลุ่มป่าแก่งกระจาน ระบุว่า ภาคี #SAVEบางกลอย ไม่ได้มีเจตนาที่จะคัดค้านการขึ้นทะเบียนมรดกกลุ่มป่าแก่งกระจาน เพียงแต่มีความกังวลว่า การพิจารณามรดกโลกกลุ่มป่าแก่งกระจานในครั้งนี้จะเป็นการปฏิเสธสิทธิการอยู่อาศัยบนผืนดินบรรพบุรุษของชาวกะเหรี่ยงบางกลอยและชุมชนอื่นๆ

“เราต้องการมรดกโลกที่มีแนวทางในการอนุรักษ์ธรรมชาติ ที่ควบคู่ไปกับการดำรงไว้ซึ่งคุณค่าทางวัฒนธรรมและชีวิตของผู้คนในพื้นที่ เราต้องการให้ระบบการเกษตรแบบไร่หมุนเวียนอันเป็นมรดกและรากเหง้าที่ส่งต่อมาแต่บรรพบุรุษได้รับการยอมรับและคุ้มครอง ให้การเป็นมรดกโลกนั้นควบคู่ไปกับการพัฒนาที่ยั่งยืน รวมถึงต้องการความชัดเจนในแนวทางการปฏิบัติต่อชาติพันธุ์ในพื้นที่ป่าแก่งกระจานตามหลักการสิทธิมนุษยชน ทั้งหมดทั้งมวล ก็เพื่อให้การขึ้นทะเบียนมรดกโลกนี้ ถูกบันทึกและถูกจดจำต่อสายตานานาอารยประเทศอย่างสง่างาม ชอบธรรม และสมศักดิ์ศรี” แถลงการณ์ระบุ

ประมาณ 10.40 น. ภาคีเซฟบางกลอยและผู้เข้าร่วมกิจกรรมอื่นๆ ได้ขว้างถุงบรรจุสีแดงใส่ป้าย ทส. รวมถึงพ่นสีสเปรย์ที่ด้านประตูทางเข้ากระทรวง เพื่อยืนยันว่ามรดกโลกกลุ่มป่าแก่งกระจาน คือ “มรดกเลือด” หลังมีอย่างน้อย 2 ชีวิตต้องสูญเสียจากการต่อสู้เพื่อสิทธิและศักดิ์ของกลุ่มชาติพันธุ์บนผืนป่าแก่งกระจาน นั่นคือทนายทัศน์กมล โอบอ้อม และ ‘บิลลี่’ พอละจี รักจงเจริญ รวมถึงมีชาวบ้าน 28 ชีวิตต้องถูกดำเนินคดีในข้อหาหนัก เหตุเพราะต้องการกลับไปยังที่ทำกินเดิมของตนเอง

“กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นกระทรวงที่เป็นเครื่องมือของผู้ขูดรีดผลประโยชน์จากทรัพยากร พวกนายทุนต่างๆ มันอ้างตัวเป็นหน่วยงานอนุรักษ์ แล้วมันก็ไปกวาดล้างพี่น้องชาติพันธุ์ลงมา เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ความทุกข์ยากของพี่น้องบางกลอย แต่เป็นเรื่องของพี่น้องชาติพันธุ์ทุกเผ่ากับรัฐไทย เราจะใช้เลือดของพี่น้องชาติพันธุ์จัดการพวกมัน” ธัชพงศ์ แกดำ ภาคีเซฟบางกลอยกล่าว

ในช่วงท้าย ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้ร่วมกันร้องเพลง “ใจแผ่นดิน” โดยวงดนตรี ไททศมิตร ก่อนจะประกาศยุติกิจกรรมในเวลา 11.15 น. ย้ำว่าจะติดตามผลการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกที่ประเทศจีนในเวลา 16.30 น. ตามเวลาประเทศไทย และพร้อมจะจัดกิจกรรมต่อเนื่องหากมีมติให้กลุ่มป่าแก่งกระจานสามารถขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกได้

Related Posts

Send this to a friend